Home
|
อาชญากรรม

ปอศ.กวาดล้างคริบโตฯ โยงฟอกเงิน หมุนเวียน1.4หมื่นล้าน

Featured Image
ปอศ. เปิดปฏิบัติการ กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ ดิจิทัล ผิดกฎหมายเงินหมุนเวียนกว่า 14,000 ล้านบาท

 

วันนี้ (24 เม.ย 68) เวลา 10.30 น. ตึกกองปราบ) อาคารประชาอารักษ์ (บก.ป.) พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. และ พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ได้แถลงผล เปิดปฏิบัติการ Operation Crypto Phantom กวาดล้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลผิดกฎหมาย มีเงินหมุนเวียนกว่า 14,000 ล้านบาท ได้นำกำลังข้อบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจร่วมกันตรวจค้น 8 จุด ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจังหวัดชลบุรี และ กรุงเทพมหานคร ซึ่ง อาคารพาณิชย์ ในจังหวัดภูเก็ต 2 แห่ง และบริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต 2 แห่ง และ บริษัทรับแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรี บ้านในพื้นที่เขตห้วยขวางกรุงเทพมหานคร และในซอย พระราม 2

 

 

 

พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ กล่าวว่า พฤติการณ์ สืบเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันอาชญากรรมรูปแบบใหม่กำลังทวีความรุนแรงและมีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์เช่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์การพนันออนไลน์และขบวนการค้ายาเสพติดซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยน แผนทศให้ทันสมัยขึ้นตามพัฒนาการของเทคโนโลยีหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่อาชญากรใช้ในการนำทางเส้นทางการเงินคือคลิปโตเคอร์เรนซี ซึ่งมักถูกนำไปใช้ในการฟอกเงินโดยกระบวนการฟอกเงินในปัจจุบันมีหลายวิธีต่างๆ เช่น การที่คนร้ายมักใช้คือการทำธุรกรรมผ่านร้านแลกเปลี่ยนคริปโตที่ไม่ได้รับอนุญาตในไทย หลังจากนั้นสินทรัพย์ต่างๆ จะถูกถอนออกมาเป็นเงินสดในที่สุดสถานการณ์เช่นนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในหลายมิติทางการสูญเสียรายได้ของรัฐความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการเสื่อมถอยของระบบการเงินที่โปร่งใสอีกทั้งยังสร้างความเสียหายกับประชาชนทั่วไป

 

ซึ่งคือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ได้ผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนที่ได้รับอนุญาตตามกฏหมายโดยการให้บริการลักษณะดังกล่าวมีเป้าหมายชัดเจนในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินรวมถึงหลบเลี่ยงภาษีและมีการนำเงินที่ได้ไปหมุนเวียนในธุรกิจผิดกฎหมายหลายรูปแบบโดยเฉพาะเครือข่ายค้ายาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าธุรกรรมมากกว่า 1000 รายการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมและมีเงินหมุนเวียนรวมถึง 14,000 ล้านบาท ตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องอาทิเช่นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารธุรกรรมจำนวนมาก

 

 

พบผู้กระทำความผิดให้บริการแลกเปลี่ยนผิดผิดกฎหมายและอยู่ระหว่างการดำเนินคดี 5 ราย ทางนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาโดยได้มีการออกหมายเรียกสอบผู้เกี่ยวข้องจำนวน 12 ราย ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายฉบับได้แก่พระราชกำหนดประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลพ.ศ. 2561 ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปีและปรับ ตั้งแต่ 200,000 บาทถึง 500,000 บาทและปรับอีกไม่เกินวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาทและหากพบพฤติกรรมต้องสงสัยสามารถแจ้งเบาะแสต่อเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

 

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube