ผู้ว่าฯ กทม.จัดประชุมทางไกล แก้ปัญหาการรับส่งผู้ป่วยโควิด-19 ในระยะเร่งด่วน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมทางไกล ติดตามการเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งผู้ป่วยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งที่ประชุมรายงาน ว่า ปัจจุบันศูนย์เอราวัณ ซึ่งเป็นเครือข่ายการรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉินและผู้ป่วยโควิด-19 หลักของกรุงเทพมหานคร ให้บริการผ่านสายด่วน 1669 มีเจ้าหน้าที่ประจำ 24 ชม. แบ่งเป็น 3 ผลัด ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นมาพบว่ามีประชาชนโทรเข้ามาใช้บริการประมาณ 3,500 สายต่อวัน ซึ่งมีทั้งสายจากผู้ป่วยฉุกเฉินและสายจากผู้ป่วยโควิด-19 และเมื่อประชาชนโทรเข้ามาระบบจะจัดคิวเพื่อรอรับบริการ หากประชาชนวางสายและโทรเข้ามาใหม่จะทำให้ต้องเข้าคิวใหม่ จึงทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดว่าไม่มีผู้รับสาย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงสั่งการให้เร่งดำเนินการแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งผู้ป่วยเร่งด่วน ประกอบด้วย การเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่โดยเบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ผลัดกลางคืนมาปฏิบัติงานในช่วงผลัดกลางวัน เวลา 08.00-16.00 น. ซึ่งมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากก่อน รวมทั้งให้จัดระบบการรับสายใหม่ โดยให้รับสายพร้อมให้ประชาชนแจ้งเฉพาะชื่อและเบอร์ติดต่อกลับ จากนั้นให้จัดชุดเจ้าหน้าที่เพิ่มเป็นการเฉพาะกิจเพื่อประสานงานติดต่อกลับเพื่อให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว และลดระยะเวลาการรอคอยของประชาชน รวมทั้งปรับปรุงระบบให้มีเสียงตอบรับอัตโนมัติขณะประชาชนรอสายและเพิ่มคู่สายเพิ่มเติมเพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในส่วนของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ซึ่ง 50 สำนักงานเขตได้บูรณาการความร่วมมือในการรับส่งผู้ป่วยเข้าสู่สถานพยาบาล เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยซึ่งยังคงติดค้างอยู่ที่บ้าน ให้เพิ่มจำนวนรถและจำนวนรอบในการรับส่งผู้ป่วย
ทั้งนี้โรงพยาบาลสนามเอราวัณ 2 จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย.) คาดว่าจะสามารถรองรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากได้เพิ่มมากขึ้น
สำหรับการจัดหา Hospitel ให้ 50 สำนักงานเขตเร่งประสานพร้อมแจ้งรายชื่อโรงแรมที่เหมาะสม เพื่อให้สำนักการแพทย์เข้าไปตรวจสอบความพร้อมในการเป็น Hospitel ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news