“พล.อ.ประยุทธ์” ขออย่าคาดการณ์ล่วงหน้ากรณีศาลวินิจฉัยคดีบ้านพัก ย้ำไม่มีเตรียมแผนรับรอง ยัน ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่าไรก็รับได้ เตือนม็อบ 2 ธ.ค.อย่าละเมิดยันจำเป็นใช้กฎหมายฟัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรีจากปมคดีบ้านพักนายกฯ ในวันที่ 2 ธ.ค.ว่า ขออย่าคาดการณ์ล่วงหน้า เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังให้ความสำคัญในเรื่องนี้ แต่ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไรมากนัก ตนเคารพในกระบวนการยุติธรรมทุกประการ ไม่ว่าตัดสินออกมาอย่างไร จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ต้องเตรียมแผนรับรอง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ขอฟังคำตัดสินของศาลก่อน จึงจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป อย่าไปคิดล่วงหน้ามากนัก ตนเคารพทุกอย่าง ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรตนก็รับได้
ส่วนจากนี้จะเตรียมการย้ายไปอยู่ที่บ้านพักพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ต้องดูความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้การซ่อมแซมก็ยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากมีการชำรุดไปตามเวลา และมองว่าบ้านพักหลังดังกล่าวใหญ่โตเกินไป และไม่เกี่ยวกับข่าวลืออาถรรพ์บ้านพัก เพราะตั้งใจไปทำความดี พระก็ไหว้ ถ้าเราทำความดีเพื่อแผ่นดิน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องคุ้มครองเรา ที่ตนยืนอยู่ทุกวันนี้เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครอง ที่จะทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า ซึ่งตนก็ระมัดระวังอย่างถึงที่สุด เพราะตอนนี้มีกลไกทางการเมือง ตนเข้ามาวันนี้ กับวันนั้น มันคนละช่วงเวลากัน การทุจริตผิดกฎหมายตนก็ไม่ได้ทำ ยืนยันไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์ส่วนตนเลยสักอย่าง เพราะมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ถ้านับถือศาสนาพุทธก็ต้องนำหลักมาปฏิบัติ ซึ่งตนก็ทำอย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า เตรียมบ้านพักส่วนตัวเอาไว้ หากเขาไม่ให้อยู่ก็ไป ซึ่งก็มีบ้านแต่พื้นที่จำกัด แม้จะคิดว่าจะไม่มีใครมาทำร้ายตนแต่ผู้นำของประเทศก็ต้องมีการคุ้มครอง จะให้โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวคงไม่ได้ ซึ่งในทุกประเทศก็มีการคุ้มครองผู้นำอยู่แล้ว
ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในทิศทางที่เป็นลบ จะส่งผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกับคณะรัฐมนตรี ขออย่าคิดล่วงหน้ามากนัก เมื่อถึงเวลามันตัดสินใจง่ายอยู่แล้ว ออกมาอย่างไรก็ตามนั้น พร้อมย้ำว่าตนไม่กังวลอะไร สิ่งที่กังวลอยู่อย่างเดียวคือจะทำอย่างไรให้ประเทศปลอดภัย ชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ปลอดภัย ประชาชนทุกคนต้องมีความรักสามัคคี แต่ ทุกคนกลับโทษว่าเป็นความผิดของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ไม่เคยมองว่าที่ผ่านมาตนทำอะไรมาบ้าง ทุกคนก็ลืมไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องแค่ การรักษาความสงบเรียบร้อยเพียงอย่างเดียว ตนทำอะไรมาตั้งเยอะแยะ ขอให้ไปหาดู
พื้นที่ไฟล์แนบ
นายกรัฐมนตรี ยังว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อทุกวัน แต่ขอประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก และขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลสามารถควบคุมได้ พร้อมฝากถึงคนที่รู้ว่า มีคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง และลักลอบเข้ามา ให้ช่วยกันดูแลและแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ เพราะหากปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวคงไม่ทั่วถึง ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ในต่างจังหวัดลดจำนวนลง เพราะตำรวจส่วนหนึ่งต้องเข้ามาดูแลการชุมนุม และถ้าจะไม่พาตำรวจเข้ามาก็ไม่รู้จะใช้กำลังจากไหน
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ในที่ประชุมสภากลาโหม ยังสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลตำรวจที่เข้ามาปฏิบัติงานให้ได้รับเบี้ยเลี้ยงตรงเวลาและเต็มจำนวนด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฏร จะเดินทางไปชุมนุมที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อฟังคำวินิจฉัยตัดสินคดีบ้านพักทหาร ของนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะถูกต้อง และการไปกดดันตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ อยากให้พิจารณาให้ดี เพราะที่ผ่านมาศาลเคยมีคำวินิจฉัย เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ศาลและการละเมิดศาล จึงอยากให้ผู้ชุมนุมระมัดระวังด้วย
ส่วนที่เริ่มมีกระแสสังคม เอือมระอาผู้ชุมนุมที่สร้างความเดือดร้อน อยากให้รัฐบาลดำเนินการเด็ดขาดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลต้องฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน ทั้งผู้ชุมนุมและกระแสของสังคม จึงอยากให้สื่อทำความเข้าใจ ว่าจะให้รัฐบาลเด็ดขาดในการใช้กำลังคงไม่สามารถทำได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการ คือ การใช้ขั้นตอนของกฏหมาย ตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและสันติ ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ชุมนุมและผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ดังนั้นอยากให้ผู้ชุมนุมระมัดระวัง เกี่ยวกับการสร้างความเดือดร้อนให้กับคนทั่วไป ด้วยการไปชุมนุมในพื้นที่ปิดได้หรือไม่ มากกว่าการไปชุมนุมในพื้นที่สาธารณะแล้วสร้างความเดือดร้อน
นายกรัฐมนตรี ได้ฝากไปยังสื่อมวลชนเกี่ยวกับการตั้งคำถาม ไม่ให้เกิดการยั่วยุหรือสร้างความแตกแยก โดยขอให้ทำหน้าที่ที่เป็นกลาง และนำเสนอเรื่องที่เป็นประโยชน์ อย่างกรณีหนังสือพิมพ์บางฉบับที่ทำเรื่องไม่สมควร ที่นำเสนอภาพพระราชกรณียกิจ การลงพื้นที่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เล็กน้อย ผิดกับภาพผู้ชุมนุมที่ให้พื้นที่มากกว่า ซึ่งสื่อควรจะต้องชังน้ำหนักให้ดี ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากบางเรื่องส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ในสายตาของต่างประเทศ จึงอยากให้นำเสนอสิ่งที่ดี ขอประเทศบ้าง หรือการที่สื่อนำเสนอข่าวเกี่ยวกับผู้มาร่วมชุมนุม ซึ่งจากภาพที่ถ่ายออกมา ก็สามารถประเมินจำนวนคนได้ โดยไม่จำเป็นต้องรายงาน ว่ามีจำนวนหลักหมื่น หลักแสน หรือหลักล้าน ซึ่งอาจไม่ตรงตามข้อเท็จจริง และตนก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของสื่อมวลชนที่ไปทำข่าวการชุมนุม
นายกรัฐมนตรี ยืนยัน ว่ารัฐบาลไม่ได้เลือกปฏับัติ ในการดำเนินการตามกฏหมายกับผู้ชุมนุม เพราะไม่ว่าจะฝ่ายใด ก็ไม่สามารถละเมิดกฏหมายได้ และแม้กฏหมายจะไว้ใช้คุ้มครองสิทธิเสรีของบุคคลเช่นกัน แต่ก็ขออย่าให้เกินเลย ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ใช่ความรุนแรง ทำตามขั้นตอนกฏหมาย ก่อนจะปฏิบัติการเรื่องใด ก็ได้แจ้งให้ผู้ชุมนุมทราบก่อน เช่น พื้นที่ที่ไม่บุกรุกเข้าไป แต่ผู้ชุมนุมก็จะเข้าไป ในพื้นที่หวงห้าม ถือเป็นการละเมิดและผิดกฏหมาย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการตรวจสอบผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุม ว่าฝ่ายความมั่นคงได้ตรวจสอบมาตลอด แต่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ที่อยู่ในหรือต่างประเทศ และการที่แกนนำประกาศว่า ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรี จะพ้นจากตำแหน่ง แต่การชุมนุมยังคงเดินหน้าต่อ ตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ก็เป็นเรื่องของผู้ชุมนุมแต่การจะทำอะไรก็ต้องยอมรับผลสิ่งที่ทำไปด้วย และหากจะไม่รับชอบและไม่เครพกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยนายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธ แสดงความเห็นว่าการชุมนุมจะบรรลุตามวัตถุประสงค์ตาม 3 ข้อหรือไม่ กล่าวแต่เพียงว่า อยากให้พิจารณาว่าข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้หรือไม่ ขั้นตอนต่อหลักการบริหารราชการแผ่นดินและรัฐธรรมนูญหรือไม่