นายกฯเปิดรพ.บุษราคัมรักษาโควิด
นายกฯ เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลสนามบุษราคัม รองรับผู้ป่วยโควิด รองรับได้ 1,292 เตียง หวังไทยก้าวข้ามวิกฤต อย่ามัวแต่ขัดแย้งกัน ยกย่องความเสียสละบุคลากรด่านหน้าด้วยใจจริง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ณ โรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพคเมืองทองธานี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณะสุข พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รวมถึงผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม
ซึ่งโรงพยาบาลบุษราคัม อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพคเมืองทองธานี ซึ่งมีมาตรฐานเดียวกับสถานพยาบาล โดยมีโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เป็นสถานพยาบาลหลักคอยดูแล ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งเครื่องปรับอากาศมีพยาบาลดูแลตลลอด มีไวไฟใช้ฟรี มีพื้นที่ มีการกั้นพื้นที่เป็นห้อง เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ผู้ป่วย มีห้องน้ำ ห้องแล็บ เครื่องออกซิเจน และเครื่องเอกซเรย์ปอด
พร้อมกันนี้ยังมี 270 เตียง ที่ติดตั้งเครื่องให้ออกซิเจนไว้สำหรับผู้ป่วยสีเหลืองเข้ม มีเครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ สำหรับผู้ป่วยที่หายใจด้วยตัวเองลำบากระดับก่อนเข้าไอซียู
นอกจากนั้น ก็มีห้องความดันลบ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก ซึ่งในช่วงแรกจะสามารถรองรับได้ 1,292 เตียง สามารถขยายได้อีก 2 เฟส เฟสละ 1,292 เตียง สูงสุด 5,000 เตียง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาด โควิด-19 หลายประเทศมีความรุนแรง มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีการแพร่ระบาดใหม่ และต้องการ การรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหลายแห่ง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง วันนี้ได้มีการจัดตั้งโรงบาลบุษราคัมเพิ่มอีกแห่งหนึ่งจากความร่วมจากทุกส่วนภายใต้การดูแลของกระทรวงสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าวันนี้มีปัญหาที่ต้องประเมินตามสถานการณ์ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอนโดยสถานการณ์จะเป็นตัวชี้วัดว่าจะต้องทำอะไรเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มสถานที่คัดกรองการฉีดวัคซีน โดยต้องใช้บุคลากรปฏิบัติงานอีกหลายหมื่นคน จึงต้องมีการประสานงานที่ดี
แต่ทั้งนี้ ยืนยันว่า เรายังมีศักยภาพรองรับได้อยู่เมื่อเทียบกับหลายประเทศ ดังนั้น ขอทุกคนอย่าท้อแท้สิ้นหวัง อย่ามัวแต่ขัดแย้งกัน โดยเฉพาะในส่วนของสังคม ไม่เช่นนั้นจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย เราอาจจะทำได้ไม่ดีที่สุด แต่ไม่ได้เลวร้ายที่สุด เราทำงานตามสิ่งที่เราต้องทำซึ่งได้มีการพิจารณาสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา พร้อมขอให้นึกถึงผู้ที่ทำงานอยู่บนท้องถนนหลาย 10,000 คน โดยขอให้กำลังใจคนเหล่านั้นเพราะเสียสละเป็นด่านหน้า พร้อมเสี่ยงที่จะติดเชื้ออยู่ตลอดเวลา จึงต้องมีการสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์ตลอดเวลา ตนเองรู้สึก
ไม่สบายใจที่เห็นภาพเจ้าหน้าที่ด่านหน้าเสียสละ ต้องนอนใต้โต๊ะ กลับบ้านไม่ได้ ซึ่งขอยกย่องคนเหล่านี้ด้วยใจจริง
ขอให้ทุกส่วนร่วมกันสนับสนุนการดำเนินงานโรงพยาบาลบุษราคัมให้บรรลุตามเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลืออย่างเหมาะสมลดอัตราการเสียชีวิต เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวห้ามวิกฤตินี้ไปให้ได้ และเชื่อว่าหากร่วมมือกันประเทศไทยของเราจะต้องเอาชนะโรคร้ายครั้งนี้ไปให้ได้อย่างแน่นอน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news