Home
|
ข่าว

“เสรีพิศุทธ์”ชวนปชช.รีบลงทะเบียนฉีดวัคซีน

Featured Image
“เสรีพิศุทธ์”  อัดรัฐทำงานไม่มีความน่าเชื่อถือ สร้างเชื่อมั่นไม่ได้เรื่องวัคซีน แต่ตัวเองฉีดแล้ว ไม่มีผลกระทบจึงขอชวนประชาชนเร่งลงทะเบียน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กล่าวถึงการลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19 ว่า ขณะนี้มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนหนึ่งประชาชนก็ยังลังเล เพราะขาดความน่าเชื่อถือจากรัฐบาล เลยไม่กล้าลงทะเบียนฉีดวัคซีน เพราะการทำงานของรัฐบาลจะไม่มีความน่าเชื่อถือ และตนเองก็ไม่ไว้วางใจรัฐบาลนี้ แต่ก็อยากเชิญชวนประชาชนรีบลงทะเบียนและฉีดวัคซีน เพราะตนเองก็ไปฉีดมาแล้ว และไม่มีผลกระทบใดๆ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดมากไปกว่านี้

สำหรับผู้ติดเชื้อในเรือนจำ หากปล่อยคนในเรือนจำออกมา ก็อาจจะเกิดการแพร่กระจายเชื้อได้ และเห็นว่าได้มีมาตราการให้ปล่อยตัวนักโทษชั่วคราว แต่ผู้ติดเชื้ออาจจะมีเพิ่มมากขึ้นหากปล่อยออกมาพร้อมกันนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงกรณีการตรวจโควิด-19 ที่.ภูเก็ต มีการเก็บเงินค่าตรวจ โดยอ้างว่า งบประมาณหมดแล้ว จึงจำเป็นต้องเก็บเงินในการตรวจโควิดให้กับประชาชนขอตั้งข้อสังเกตว่าเงินไปไหน เพราะเอาไปทำประชานิยมหมดหรือไม่ เวลานี้ต้องประหยัด แต่รัฐบาลเอาแต่ใช้จ่าย ฉะนั้นการตรวจโรคโควิด -19 ต้องบริการประชาชนและไม่ควรเสียค่าใช้จ่ายซึ่งรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลต้องดูแล ป้องกัน โรคระบาดให้ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งหากมีผู้ร้องทุกข์เรื่องนี้เข้ามาในกรรมาธิการของตน ตนจะดำเนินการอย่างเต็มที่

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึง การอนุมัติงบประมาณให้กองทัพ ในคณะรัฐมนตรี 387ล้าน เพื่อไปตรวจโควิด -19 ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องงบประมาณส่วนนี้ควรนำไปให้ กระทรวงสาธารณสุขมากกว่า

สำหรับงบประมาณปี 65 ในส่วนงบกองทัพที่จะเข้าสภา เชื่อว่าฝ่ายค้านทุกพรรคคงไม่เห็นด้วย หากมีงบประมาณจัดซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ซึ่งการจัดสรรงบควรจะต้องเป็นประโยชน์กับประชาชน ควรไปให้ กระทรวงศึกษาธิการ , กระทรวงสาธารณสุข , กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่ไปลงที่กองทัพ แต่งบกองทัพตอนนี้คงแก้อะไรไม่ได้เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ความสำคัญก็ต้องเป็นทหารก่อน แต่ขณะนี้เมื่อเป็นฝ่ายค้านก็ทำอะไรไม่ได้มาก ถ้าหากให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหมสักครั้งก็จะรู้ว่าทหารทุจริตกันอย่างไร

ขณะที่เงินกู้ใหม่ ที่กำลังจะกู้เพิ่มอีก 7 แสนล้านนั้น ฝ่านค้านก็คงต้องช่วยกันตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงให้ได้ว่ากู้มาแล้วนำไปทำอะไรบ้าง

ส่วนกรณีที่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ (แรมโบ้อีสาน) ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี และทนายความนายกรัฐมนตรีเข้าแจ้งความมาตรา 112 กับ นายสุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล (ฮาร์ท) อดีตพิธีกรและนักร้องชื่อดังว่า จากที่ได้ไปดูการกระทำของนายสุทธิพงศ์ ก็เป็นการวิพากวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลปกติ ผู้ที่แจ้งความไม่ได้มีความรู้ และไปแจ้งความใส่ความผู้อื่น อีกทั้งยังออกมาบอกว่าถ้าหากนายสุทธิพงศ์ยอมมาพูดคุยกับตนดีๆ ก็จะถอนแจ้งความ นี่คือเรื่องที่ไม่มีความรู้ เพราะถ้าหากแจ้งความหมิ่นประมาทสามารถถอนแจ้งความ แต่ถ้าแจ้งความมาตรา 112 ถอนไม่ได้ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลับไม่ใช่การแจ้งความ เป็นเพียงการยื่นหนังสือเท่านั้น รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการที่นายกรัฐมนตรี
ให้ลิ่วล้อมากระทำการอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์เช่นนี้

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube