ครม. เห็นชอบขยาย พรก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 2 เดือน,อนุมัติกรอบวงเงิน 311 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายป้องกันโควิดในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ
ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไม่แถลงข่าวผลการประชุม ครม. เหมือนเช่นทุกครั้ง เนื่องจากมีภารกิจในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่จะมีการหารือกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น จึงได้มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตอบคำถามของสื่อมวลชนแทน
ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ นายสุพัฒนพงศ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ ตึกนารีสโมสร แถลงข่าวในเรื่องของ พ.ร.ก.กู้เงิน ที่มีพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564ให้กระทรวงการคลัง มีอานาจกู้เงินบาท หรือเงินตราต่างประเทศ หรือออกตราสารหนี้ ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย มีมูลค่ารวมกันไม่เกินห้าแสนล้านบาทเช่นเดียวกับ คณะโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ก็จะแถลงผ่านทางเอกสารเช่นกัน
ครม. เห็นชอบขยายระยะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 2 เดือน สิ้นสุดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 และสิ้นสุดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564
เนื่องจากยังมีความจำเป็น จะต้องใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต่อไป เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการการปฏิบัติงาน และการดำเนินมาตรการที่จำเป็นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลดอัตราการเสียชีวิต และปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรด้านสาธารณสุข และการดำเนินการอื่น ๆ รวมถึงการบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน เพื่อให้สถานการณ์ของประเทศกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
ครม. อนุมัติกรอบวงเงิน 311 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายป้องกันไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ อนุมัติกรอบวงเงิน 311,650,300 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขและป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย
-ค่าชุดตรวจไวรัสโควิด-19 แบบ RT PCR จำนวน 100,000 ชุดเป็นเงิน 80 ล้านบาท
-ค่าก่อสร้างโรงพยาบาลสนาม รองรับผู้ป่วยวิกฤติในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 2 แห่งเป็นเงิน 51,967,200 บาท
-ค่าก่อสร้างโรงพยาบาลสนาม ประจำเขตกลุ่มเรือนจำและทัณฑสถาน จำนวน 10 แห่ง เป็นเงิน 92,680,000 บาท
-ค่าก่อสร้างและปรับปรุงห้องกักกันโรคประจำเรือนจำและทัณฑสถานจำนวน 65 แห่ง เป็นเงิน 49,835,500 บาท
-ค่าวัสดุ อุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน เป็นเงิน 37,167,600 บาท
สำหรับการจัดหายาฟาวิพิราเวีย สำหรับผู้ติดเชื้อนั้น ให้กรมราชทัณฑ์ ดำเนินการตามแนวปฏิบัติโดยขอรับการสนับสนุนยาจากกระทรวงสาธารณสุข โดยตรงและเร่งด่วน
นายอนุชา กล่าวว่า “สืบเนื่องจากปัญหาการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานหลายแห่ง จึงจำเป็นต้องก่อสร้างปรับปรุงสถานที่ พร้อมจัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อแก้ไขและป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรี จึงได้มีบัญชาเห็นชอบให้ ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 โดยให้กรมราชทัณฑ์เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมด้วย”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news