Home
|
ข่าว

นายกฯแจงสภาโต้ภท.จำเป็นรวบอำนาจแก้โควิด

Featured Image
นายกรัฐมนตรี แจงสภา โต้ ภท. จำเป็นรวบอำนาจแก้โควิด มีกลไกใช้งบ ปัดขัดพรรคร่วม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท หลังนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ภูมิใจไทย อภิปรายโจมตีรัฐบาลเรื่องการจัดงบประมาณที่ให้ข้าราชการครอบงำ ทั้งที่ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง อีกทั้งรวมอำนาจทั้งหมดมาดูแลเอง โดยยืนยันว่า ที่ต้องรวบอำนาจกฎหมายทั้ง 31 ฉบับ เนื่องจาก พ.ร.บ.โรคระบาดให้อำนาจเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ไม่สามารถสั่งหน่วยงานอื่นๆได้ จึงต้องสั่งผ่าน ศบค. แต่การจะพิจารณาอะไร จะยึดแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข ขณะเดียวกัน ให้เกียรติกับรัฐมนตรีทุกคนและทุกพรรค มีการหารือกันตลอด โดยเฉพาะกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปรียบเสมือนที่ปรึกษา ซึ่งที่ผ่านมาก็พร้อมคืนอำนาจให้นายอนุทินและถามนายอนุทินตลอด แต่นายอนุทิน บอกเองว่า ยังไม่พร้อม เพราะสั่งการได้เฉพาะในกระทรวงสาธารณสุข

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่า ไม่ได้ต้องการอำนาจ เพราะอำนาจอยู่ไม่นาน แต่ต้องการความร่วมมือ ต้องการสร้างความรัก อย่าสร้างความเกลียดชัง

ส่วนงบประมาณแก้ปัญหาโควิดและวัคซีน ที่ไม่บรรจุในงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข เพราะไม่รู้ว่าการระบาดจะจบเมื่อไหร่ จึงต้องดึงออกมาและใช้งบฯกลาง ซึ่งจะใช้งบฯ โดยยึดตามความต้องการของประชาชน ผ่านกลไกต่างๆ และที่ผ่านมาใช้งบฯจำนวนมาก จัดสรรให้จังหวัดต่างๆ ยืนยันสามารถตรวจสอบได้ ไม่ได้ทำตามใจ พรรคร่วมเสนอโครงการมาก็จัดสรรให้ หากเป็นประโยชน์ก็อนุมัติ ให้เกียรติทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล อะไรเป็นประโยชน์ทำให้หมด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาการระบาดในพื้นที่ กทม. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคลัสเตอร์ จึงมั่นใจว่ายังสามารถควบคุมได้

 

 

ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร - สภา

“ยุทธพงศ์” จี้ นายกฯเปิดเผยสัญญาจัดซื้อวัคซีนกับบริษัทแอสตร้าเซเนก้า แนะ “อนุทิน” เปลี่ยนใจย้ายฝั่ง

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ว่า มีงบประมาณจัดซื้อยุทโธปกรณ์จำนวนมาก แต่ไม่มีงบประมาณสำหรับการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด-19

นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามถึงงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ว่ามีงบลับของหน่วยงานในสังกัดรวมกันมากกว่า 470 ล้านบาท หากบริหารอย่างโปร่งใส เหตุใดจึงเปิดเผยไม่ได้ และได้อภิปรายถึงงบประมาณผูกพันโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพบก ว่ามีทั้งการจัดซื้อรถถัง IAV Stryker และ เฮลิคอปเตอร์ AH-6i

ขณะที่ กองทัพเรือ ยังมีโครงการจัดหาเรือเอนกประสงค์ สำหรับยกพลขึ้นบก LPD และยังมีการเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำ ปี 63-69 อยู่ อีกทั้ง ยังมีโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ของกองทัพอากาศ ทั้งที่สถานการณ์โควิด-19 ยังวิกฤตอยู่ ขนาดยังวัคซีนไม่แน่นอน
แต่รถถัง เครื่องบินรบ เรือดำน้ำมีแน่นอน

พร้อมเรียกร้อง ให้ ส.ส. พิจารณาไม่เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ เพื่อให้ คณะรัฐมนตรีกลับไปทำมาใหม่

ทั้งนี้ ยังเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำสัญญาจัดซื้อวัคซีนกับบริษัทแอสตร้าเซเนก้า มาเปิดเผย และการที่ พลเอกประยุทธ์ ให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นที่ปรึกษาไม่เหมาะสม และเป็นการทำงานเหมือนค่ายทหาร จึงอยากให้นายอนุทิน เปลี่ยนใจย้ายฝั่ง

โดยระบุว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รออยู่“บอกหมออนุทินครับ ป๋าพงษ์ผมรออยู่ ไม่ต้องไปเรียกร้องคุณประยุทธ์หรอกครับ มาอยู่กับป๋าพงษ์ผมดีกว่าครับ คว่ำงบประมาณ เสียคุณประยุทธ์จะได้กลับบ้านไป”

 

พิธา สภา

“พิธา” เสนอแนวทางบริหารงบฯ แบบพรรคก้าวไกลโมเดล “บ้านงบประมาณใหม่ของประเทศไทย” พร้อมเรียกร้องคว่ำ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ฉบับนี้

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่า
เมื่อเห็นการจัดสรรงบประมาณ แล้วไร้ความหวังที่ประเทศจะหลุดออกจากวิกฤตครั้งนี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงการจัดทำงบประมาณของประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่านับจากนี้ประเทศจะไม่กลับไปเป็นอย่างเดิม แต่จะเป็นการเริ่มต้นใหม่กับระบบสาธารณสุขไทย-ระบบทุนนิยมไทย -วิธีคิด

ทั้งนี้ ประเทศไทยจะฟื้น หรือฟุ้บลง อยู่ที่การจัดทำงบประมาณครั้งนี้ พร้อมเสนอแนวทางบริหารงบประมาณในแบบพรรคก้าวไกลในโมเดล”บ้านงบประมาณใหม่ของประเทศไทย” ที่ยึดประชาชนเป็นหลัก สร้างบ้านที่มีรากฐานที่แข็งแรง โดยให้ความสำคัญเริ่มจากกลุ่มเปราะบางของสังคมซึ่งถือเป็นวิธีคิดอิฐก้อนแรกในการสร้างบ้านที่จะฟื้นฟูประเทศไทย

ซึ่งหากตัวเอง เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องพยายามปลดปล่อยภาระผูกพัน โครงการจัดซื้ออาวุธยุทธโทปกรณ์ ที่มีจำนวนมากกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปีโดยจะบินตรงไปเจรจากับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรับอเมริกา เพื่อขอยกเว้นภาระผูกพันการจัดซื้ออาวุธทั้งหมด ซึ่งในอดีตเคยมีทำมาแล้ว

พร้อมฝากคำถาม ไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ว่า การอภิปรายตลอด 3วัน ที่ผ่านมา ที่มีการวิพากษ์การตัดงบกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณะสุขจึงเรียกร้องให้คว่ำร่างกฏหมายงบประมาณฉบับนี้ ไม่เช่นนั้น การอภิปรายตลอด 3 วัน ที่ผ่านมา เป็นเพียงลิเกโรงหนึ่ง เพื่อพรรคร่วมรัฐบาลต้องการต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นวัคซีน – สัมปทานสร้างตึก -โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube