“รังสิมันต์” ร้องสื่อถูกตามคุกคาม ถึงคอนโด คาดปมอภิปราย เรื่องตั๋วช้าง
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล แถลงต่อสื่อมวลชน เปิดเผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมาตนเองและครอบครัว ถูกติดตามคุกคามจากบุคคลไม่ทราบฝ่าย โดยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากพนักงานคอนโด ว่ามีชายจำนวน 2 คน ขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌป 3978 กรุงเทพมหานคร เข้ามาและพยายามขอให้พนักงานเปิดประตูอาคารให้เข้าไปยังห้องพักของตนเอง
ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวอ้างว่า ตัวเองเป็นเพื่อนของภรรยา พร้อมกับแสดงรูปถ่ายของภรรยา ซึ่งเป็นรูปที่ปกติแล้วใช้ในการติดต่อกับราชการ แต่สุดท้ายพนักงานคอนโดก็ไม่ได้อนุญาตให้เข้าไปได้ จากการตรวจสอบมีภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดไว้อย่างชัดเจน
นายรังสิมันต์ ยืนยันว่า ตนเองและภรรยาไม่ได้รู้จักอะไรกับบุคคลทั้งสองและไม่มีทางที่จะยินยอมให้เข้าไปยังห้องพักได้ และวันที่ 28 พฤษภาคม ยังมีคนโทรศัพท์มาหาภรรยา เพื่อมาถามว่าใช่ภรรยาของนายรังสิมันต์หรือไม่แล้ววางสายไป ซึ่งได้พยายามติดต่อกลับไปหลายครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และจากการตรวจสอบ พบว่าหมายเลขดังกล่าว จดทะเบียนโดยชาวต่างชาติ ที่หมดวีซ่าในประเทศไทยไปแล้วและถูกใช้โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งของราชการตำรวจ ส่วนทะเบียนรถก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นทะเบียนปลอมและทราบมาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มียศระดับสูง เชื่อว่ามีส่วนได้เสียกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องตั๋วช้างในวงการตำรวจเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ร้องทุกข์ไว้สถานีตำรวจภูธรรัตนาธิเบศร์ แล้วซึ่ง สภ.ท้องที่แต่เรื่องยังเงียบอยู่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าความพยายามดังกล่าวไม่ใช่การสืบราชการลับ ไม่ใช่การทำหน้าที่ตามปกติวิสัยของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เป็นความพยายามที่ตั้งใจมุ่งหมายไปที่ภรรยาเพื่อให้ตนเกิดความหวาดกลัวในการปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จึงไม่ได้กระทบต่อตนเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่สามารถเกิดขึ้นกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลได้ทุกคน แล้วถ้าขนาดผู้แทนราษฎรยังถูกข่มขู่คุกคามแบบนี้ แล้วประชาชนจะเหลืออะไร
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news