“มิ่งขวัญ” จี้ นายกฯ ขอโทษ หลังเกิดปัญหานำเข้าวัคซีนโควิด-19 ไม่เพียงพอ ชี้ จัดสรรเงินกู้ให้ สาธารณสุข 3 หมื่นล้าน ไม่เพียงพอ
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายในที่ประชุมเพื่อพิจารณาพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ว่าขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับและขอโทษกลางสภาฯ ที่ทำให้เกิดปัญหาการนำเข้าวัคซีนที่ไม่พร้อม และตกขบวนโคแวกซ์
ทั้งนี้ พ.ร.ก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จัดสรรให้สาธารณสุข เครื่องมือแพทย์ ยา วัคซีน เพียง 3หมื่นล้านบาท ตนเชื่อว่าไม่พอ และจะนำเงินมาจากไหนเพิ่มเติมในการเยียวยาประชาชน 3 แสนล้านบาท หากวิธีแจกยังผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ เชื่อว่าประชาชนจะเข้าไม่ถึง รวมถึงงบฟื้นฟู 1.7 แสนล้านบาทด้วย อย่างไรก็ตาม มองว่าหากรัฐบาลกู้เงิน และจัดสรรแบบเดิมจะทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น
ส.ส.ปชป. อภิปราย พรก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ขอรัฐบาลเร่งบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นร่วมกระจายวัคซีน
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แทคทีมอภิปราย พรก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดยนายเกียรติ สิทธีอมร สส.บัญชีรายชื่อ เสนอ 3 เรื่อง คือ
1. จากบทเรียนใน พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท เห็นได้ชัดว่ากระบวนการให้ได้มาซึ่งโครงการต่างๆ นั้น มาจากการใช้ระบบราชการ กล่าวคือเป็นการเสนอมาตามขั้นของกระทรวง อนุมัติโดยรัฐมนตรี และส่งต่อไปยัง คกก. ของสภาพัฒน์ฯ พิจารณา ซึ่งไม่ใช่เป็นการเริ่มต้นโครงการจากกลุ่มปัญหาวิธีนี้พิสูจน์แล้วว่ามันไปไม่ถึงดวงดาว แก้ปัญหา ไม่ตรงจุด
2. ขอให้ปรับปรุงกระบวนการออกแบบโครงการ และกรรมการที่พิจารณาโครงการ เพราะแม้จะเริ่มทำโครงการได้เร็ว แต่เมื่อเกิดวิกฤติแล้วออกแบบโครงการไว้แต่หลังจากลงมือทำพบว่าไม่ตอบโจทย์ เพราะไม่มีหน่วยติดตามประเมินผลโครงการ
และ 3. เสนอให้เร่งทำโครงการเรื่อง Co-Payment การเร่งปรับโครงการเด็กจบใหม่ให้มีงานทำ การขอให้ต่อยอดโครงการ “จับคู่กู้เงิน” ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านอาหารให้เข้าถึงแหล่งทุน การตั้งกองทุน Cash flow Premium lane สำหรับสตรีทฟู้ด คาเฟ่ ร้านอาหาร ภัตตาคาร ซึ่งจะเป็นวิธีที่ใช้เงินน้อย ได้ผลมาก
ด้านนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส. ราชบุรี เสนอองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัด มีความพร้อมที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชาชน มีบุคลากรและงบประมาณ รัฐบาลไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเหลื่อมล้ำว่า จังหวัดไหนมีงบเยอะ จังหวัดไหนมีงบน้อย หรือเป็นห่วงว่าจะไม่ทั่วถึง ดังนั้น จึงขอให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดมาช่วยในการฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนอีกช่องทางนึง และให้เชื่อมฐานข้อมูล เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนระยะเวลาในการฉีดวัคซีน ที่จะผ่านกระทรวงสาธารณสุขอย่างเดียว จาก 6 เดือนก็ได้กลายเป็น 3 เดือน หรือ 4 เดือน เพื่อที่จะได้ให้พี่น้องประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง สร้างภูมิคุ้มกันหมู่และสภาพเศรษฐกิจและสังคมจะได้กลับมาเร็ว
ขณะนางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง ขอฝากความหวังไปยังรัฐบาล ในการบริหารจัดการเงินกู้ก้อนนี้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เน้นแก้ปัญหาระยะยาว อย่าให้วิกฤตโควิด กลายเป็นวิกฤติวัคซีน และเป็นอภิมหาวิกฤตเศรษฐกิจ
สส.ภูมิใจไทย แนะ ตั้ง คกก.วิสามัญติดตาม พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้าน ท้วงติงไม่สอดคล้องกับการนำไปฟื้นฟูภาคท่องเที่ยวของประเทศ
สส.พรรคภูมิใจไทย แทคทีมอภิปราย พรก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท โดย พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า สส.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการกู้เงินในช่วงสภาวะวิกฤตเช่นนี้ แต่ด้วยความห่วงใย โดยเมื่อครั้งที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอและสนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้ 1.1 ล้านล้านบาท ทั้ง 3 ฉบับ เพื่อแก้ปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19
ดังนั้น จึงขอให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ พ.ร.กเงินกู้ 5 แสนล้าน โดยรวบรวมข้อสังเกตจากการอภิปรายทั้งหมด มาติดตามงบประมาณแก้ปัญหาอย่างตรงจุด วางแผนรอบคอบ ไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำอีก
ด้าน นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา ทวงถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และสภาพัฒน์ฯ 1.รัฐบาลกู้เงินจากแหล่งใด มีวิธีการกู้อย่างไร 2.ขณะกระทรวงการคลังกู้เงิน ตาม พ.ร ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท แล้วหรือไม่ เพราะสามารถกู้ได้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 3.ต้องใช้เวลาในการใช้หนี้ 5 แสนล้านเป็นเวลาเท่าไร
ทั้งนี้ ปัญหาและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาโควิด 19 กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ฯ เคยลงพื้นที่สอบถามชุมชน และในจังหวัด ในพื้นที่การแพร่เชื้อระบาด เรื่องปัญหาความเดือดร้อนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้จังหวัดต้องใช้เงินฉุกเฉินของจังหวัด ในการจ่ายสำรอง อีกทั้งในการตั้งจุดคัดกรอง อสม.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอื่นๆไม่สามารถเบิกเบี้ยเลี้ยงได้ รวมถึงการบริหารบุคลากรทางการแพทย์ ยังมีความจำเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย อีกเป็นจำนวนมาก
ขณะนายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ ระบุว่า การกู้เงินครั้งนี้ เพื่อนำไปฟื้นฟูในเรื่องภารกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะฝั่งอันดามัน ทั้งนี้ จากข้อมูลของสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จะเห็นได้ว่าวิธีการแก้ไข อย่างกรณี กู้เงินมา 5 แสนล้าน ทำไมไม่นำไปใส่ในเรื่องของ soft Loan ให้กับโรงแรม เพื่อที่จะใช้จ่าย รักษาเจ้าหน้าที่ พนักงานในส่วนของโรงแรม รัฐบาลจะต้องใช้เงินให้มีคุณภาพ และมีคุณค่าอย่างเป็นระบบ
จึงขอฝากสภาพัฒน์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักสำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะกฤษฎีกา ซึ่งเป็นผู้ที่หน่วยงานตีความทางกฏหมาย จะเห็นได้ว่า 4 องค์กรหลักเป็นหน่วยที่ชี้นำในส่วนของนโยบายขับเคลื่อนของรัฐบาล และมีความสำคัญอย่างยิ่ง และมีความผิดพลาดมาตลอด ดังนั้น รัฐบาลจะต้องวางกรอบที่ชัดเจนต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร
นอกจากนี้ ในเรื่องของวัคซีนท้องถิ่นก็ยังมีปัญหา ขอให้ทางกระทรวงมหาดไทย รีบดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยจะต้องมีระบบการจัดการที่ชัดเจน และจะต้องตอบคำถามในส่วนของพี่น้องประชาชนได้ด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news