Home
|
ข่าว

ครม.รับทราบข้อเสนอผู้ตรวจการแผ่นดินจัดซื้อวัคซีน

Featured Image
คณะรัฐมนตรี รับทราบ ข้อเสนอผู้ตรวจการแผ่นดินจัดซื้อวัคซีน เพิ่มกรอบจัดหาวัคซีนเป้า 150 ล้านโดสในปี 2565 พร้อมรับทราบรายงานปรับโซนสีเข้มมาตรการ ลดผลกระทบเศรษฐกิจ-ประชาชน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี ได้รับทราบผลการประชุมศบค.โดยรับทราบคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาวัคซีน รวมไปถึงแผนการกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศและแผนการจัดทำวัคซีน ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีการจัดหาและดำเนินการเจรจาจัดซื้อวัคซีนไปแล้ว 105.5 ล้านโดส และเสนอเพิ่มกรอบการจัดหาวัคซีน 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 ขณะที่จะมีการปรับสถานที่กักกันที่รัฐกำหนดที่จะเริ่มต้นวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี รับทราบข้อกำหนดมาตรฐานการควบคุมตามกรอบที่ศปก.ศบค.เสนอมาตรการปรับระดับพื้นที่ตามสถานการณ์ต่างๆ ในส่วนของสีแดง และสีแดงเข้ม เพื่อลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการผ่อนคลายการถ่ายทำภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ รวมไปถึงการปรับวิธีการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าราชอาณาจักร กรณีเป็นผู้ควบคุมยานพาหนะ ซึ่งต้องเดินทางเข้าออกราชอาณาจักร และช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศทางอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกเรือของสายการบินต่างๆ

พร้อมกับมีการรับทราบการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หรือ ภูเก็ต Sandbox รวมไปถึงพื้นที่นำร่องอื่นที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี เช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ที่จะต้องมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการต่างๆที่ต้องเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด

 

คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการรถโมบายพาณิชย์ 1,000 กระจายชุมชนทั่วประเทศ จัดสรรสินค้าราคาต่ำกว่าท้องตลาดสูงสุดร้อยละ 40 หวังบรรเทาความเดือดร้อน ลดการเคลื่อนย้ายกระจายเชื้อโควิด-19

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า มติคณะรัฐมนตรีการกลั่นกรองใช้จ่ายเงินกู้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการรถโมบายพาณิชย์ ลดราคาช่วยประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นของกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งรูปแบบของโครงการจะให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ร้อยละ 20 หรือร้อยละ 40 โดยใช้ระบายจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 คัน ดำเนินการในพื้นที่ในชุมชนและหมู่บ้านต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งโครงการนี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือน รวมไปถึงเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับประชาชน และช่วยลดการเดินทางของประชาชนด้วย และถือเป็นการลดความเสี่ยงในการกระจายและติดเชื้อโควิด-19 ระยะเวลาดำเนินการ 1 เดือน คือตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม 2564 วงเงิน161 ล้านบาท

ทั้งนี้ คาดว่า จะเป็นการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน จำนวน 3 ล้านคน ลดรายจ่าย ได้ 90 ล้านบาท

 

ครม.รับทราบ สำนักงบฯ เสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี 2565 ทำข้อเสนอส่ง ครม. อีกครั้ง 20 ก.ค. ก่อนส่ง สภาพิจารณาต่อ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี 2565 โดยทางสำนักงบประมาณ ได้มีการแจ้งแนวทางและขั้นตอนการนำเสนอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 โดยมีรายละเอียดค่อนข้างมาก
และจะนำเสนอให้สื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป

โดยในเบื้องต้นสำนักงบประมาณ จะพิจารณาคำขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และจะทำข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในวันอังคารที่ 20 กรกฎาคม 2564 เพื่อเสนอคณะกรรมการวิสามัญที่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

ครม.รับทราบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบฯ65 ด้านสำนักงบประมาณเตรียมทำข้อเสนอส่ง 20 ก.ค.64

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี 2565 โดยทางสำนักงบประมาณ ได้มีการแจ้งแนวทางและขั้นตอนการนำเสนอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 โดยมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และจะนำเสนอให้สื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป

โดยในเบื้องต้นสำนักงบประมาณ จะพิจารณาคำขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี2565 และจะทำข้อเสนอไปยังคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในวันอังคารที่ 20 กรกฎาคม 2564 เพื่อเสนอคณะกรรมการวิสามัญที่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

 

ครม.รับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 64 ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 64 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้รับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 64 ประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 64 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0 ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกาและการส่งออกของเอเชียที่ฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 65 คาดว่า จะขยายตัวร้อยละ 4.7 และฟื้นตัวจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า

โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ได้เสนอรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 1 ปี 64 โดยประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 64 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0 ซึ่งต่ำจากการประเมินครั้งก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบของโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2564 มีแนวโน้มเกินดุลลดลงจากการนำเข้าที่ขยายตัวสูง โดยจะเกินดุล 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ มูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นที่ร้อยละ 10.0 และปี 2565 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 6.3 และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 และ 2565 ประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 1.2 และ 1.0 ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนในไตรมาสที่ 4 ปี 2563 ดีกว่าที่คาดการณ์ เนื่องจากการส่งเสริมการขายรถยนต์ในช่วงปลายปี และผลจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐที่ออกมาเพิ่มเติมภายหลังการระบาดระลอกใหม่

ทั้งนี้นายอนุชา ระบุว่า ระบบการเงินไทยยังมีเสถียรภาพแต่เปราะบางมากขึ้นจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอ่อนแอ จึงต้องติดตามฐานทางการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามด้วยมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่ไม่เข้มงวดเท่าปีก่อนหน้า ประกอบกับแรงกระตุ้นจากมาตรการภาครัฐที่ออกมาเพิ่มเติมและการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะสามารถขยายตัวร้อยละ 4.7 จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นภายหลังการกระจายวัคซีนโควิด-19 อย่างทั่วถึงด้วย

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube