เดือดเป็นระยะ! ‘ส.ว.วันชัย’ เดือด ซัดพรรคการเมืองเป็นชุด เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ วุฒิสภา จ้องแต่แก้ระบบเลือกตั้ง เอาชนะกัน ไม่เห็นหัวประชาชน
ที่ประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รายมาตรา ในช่วงบ่าย ยังคงเปิดให้สมาชิกสลับอภิปรายแสดงความคิดเห็น โดย นายวันชัย สอนศิริ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ครั้งนี้ มองว่า พรรคเล็กจะหายไป พรรคใหญ่จะผงาด ลดบทบาทภาคประชาชน มีอิทธิพลล่วงลูกและก้าวก่าย ส่วนเรื่องปิดสวิตช์ ส.ว. นั้น ส่วนตัวสนับสนุน แต่หลายเรื่องที่ ส.ส. เสนอมานั้น ถือว่า กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ทำทีเรียกร้องประชาธิปไตย เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ วุฒิสภา
ส่วนตัวเชื่อว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นเรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง โดยเฉพาะระบบเลือกตั้ง ว่าใครจะได้ ส.ส.มากกว่ากัน ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาของการเลือกตั้งคือการทุจริตซื้อเสียงแต่ กลับไม่มีเคยมีการคิดที่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันการซื้อเสียง ทั้งๆ ที่เรียกร้องมาตลอด
ส่วนตัวเชื่อว่า ระบบเลือกตั้ง และพรรคการเมืองปัจจุบัน เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ประชาชนเป็นเจ้าของพรรค มีส่วนร่วมในการคัดคนลงสมัครรับเลือกตั้ง ทุกคะแนนของประชาชนมีราคาไม่เสียเปล่า เกิดพรรคการเมืองใหม่ๆ นักการเมืองใหม่ แต่สิ่งที่เสนอแก้มา จะทำให้พรรคเล็กๆ หายไปพรรคใหญ่ๆ ทุนหนาๆ จะผงาดอย่างแน่นอน กลับไปสู่ยุคที่นายทุนพรรคครอบงำพรรค คนมีเงินมีอำนาจมีบทบาททางการเมือง พรรคการเมืองจะกลายเป็นเพียงบริษัท ลูกพรรค ส.ส. ก็กลายเป็นเพียงพนักงานบริษัท เกิดเป็นธุรกิจการเมือง ปิดสวิตช์คนตัวเล็กเข้ามามีบทบาททางการเมือง
ทั้งนี้ บางช่วง การอภิปรายของนายวันชัย ทำให้ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง ว่านายวันชัย อภิปรายเสียดสี ส.ส. โดย นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส. พรรคพลังประชารัฐเรียกร้องให้ นายวันชัย ลาออกจากการเป็น ส.ว. เพื่อไม่ให้เป็นรอยด่างของระบอบประชาธิปไตย ถ้ารู้ตัวแล้วก็ควรลาออก ไม่ควรมาเอาดีใส่ตัว
ซึ่งนายวันชัย กล่าวว่า สิ่งที่พูดไม่ได้หมายถึงใครโดยเจาะจง แต่พูดถึงระบบเลือกตั้งโดยรวม ส่วนเรื่องปิดสวิตช์ ส.ว. ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเพียงวาทะกรรมโจมตี ส.ว. แต่หาก ดูเจตนารมณ์ลึกๆของรัฐธรรมนูญอำนาจในการสถาปนานายกรัฐมนตรี คืออำนาจของประชาชนที่เลือกตั้งผ่าน ส.ส. ซึ่งรัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับ ส.ส. ไม่ได้เกี่ยวกับ ส.ว.ทั้งสิ้น หาก ส.ส.เสียงข้างมากเลือกใคร ส.ว.ก็ต้องเลือกคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้า ส.ว.ไปเลือกคนอื่น รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ส.ว.ก็อยู่ไม่ได้เพราะสวนกระแสประชาชน
การอภิปรายเริ่มดุเดือดมาขึ้นในช่วงการอภิปรายของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกลที่อภิปราย ถึงที่มาของ ส.ว.ชุดปัจจุบัน ที่มาจากการการแต่งตั้งโดย คสช. จากพวกพ้อง ของ คสช. เข้ามาทำหน้าที่สืบทอดอำนาจ ให้กับ คสช. ให้สามารถสถาปนา ระบอบประยุทธ์ ได้สำเร็จ ส.ว. ที่เข้ามาทำหน้าที่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม้มีความชอบธรรม
ทำให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ลุกขึ้นประท้วง ตอบโต้ว่า ว่า ส.ว. มาจากบทเฉพาะกาลที่ประชาชนทำประชามติมา 16 ล้านคน แต่ ส.ส. ที่อภิปรายนั้น มีพื้นที่หรือไม่ เพราะคะแนนที่ได้มาก็มาจากการปัดเศษ ทำให้ พรรคก้าวไกลลุกขึ้นประท้วงต่อ จน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน ส.ว. ซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาอยู่ ต้องปิดไมโครโฟน
ขณะที่นายนวิโรจน์ ลักษณะอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วง ชี้ว่าสิ่งที่นายกิตติศักดิ์ พูดถึงเป็นการเสียดสี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่มาจากการปัดเศษ เรียกเสียงฮาในที่ประชุม ขณะที่ประธานพรเพชร บอกว่า ถึงกับงง ซึ่งนายกิตติศักดิ์ ประกาศว่า หาก ส.ส.ยังเสียดสี ส.ว. อีก จะประท้วงอย่างต่อเนื่อง
จากนั้น นายรังสิมันต์ โรม ได้อภิปรายเรียกร้องให้ยกเลิก อำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะอำนาจนี้เป็นการแช่แข็งประเทศไทย ไม่ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า บางช่วงใช้คำว่า ส.ว.ควรสำเหนียกตัวเองในการสละอำนาจอันไม่ชอบธรรม เลิกทำบาปทำกรรมกับประเทศชาติ ทำให้ ส.ว.กิตติศักดิ์ ลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง
“สุรชัย”แขวะหยุดเอาสิทธิเสรีภาพเป็นตัวประกัน ย้ำไม่ขัดข้องตัดมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจส.ว.โหวตนายกฯ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. อภิปรายในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตรา ที่เสนอมา 13 ฉบับ ว่า เรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ อดห่วงไม่ได้ว่า จะถอยหลังไปสู่รัฐธรรมนูญปี2540 ที่ไม่มีหลักการใหม่ช่วยพัฒนาระบบการเมืองประเทศ ให้เป็นสถาบันการเมืองของประชาชน
เพราะไปตัดสิทธิมาตรา45 การมีส่วนร่วมของประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองออก ขณะที่การแก้ไขมาตรา144 เรื่องการห้ามส.ส.และส.ว.แทรกแซงการแปรญัตติงบประมาณนั้น มีการไปตัดบทลงโทษของส.ส. และ ส.ว.ที่ไปแทรกแซงงบประมาณลงไป ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สังคมสนใจ จึงเห็นกระแสต่อต้านค่อนข้างสูง
ส่วนการตัดมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรีนั้น ตนไม่ขัดข้อง เพราะส.ว.เป็นแค่อำนาจปลายทางในการเห็นชอบนายกรัฐมนตรี แต่ต้นทางอยู่ที่ส.ส.เป็นผู้เสนอชื่อ ประเด็นทั้งหมดที่เสนอเข้ามาเรื่องสิทธิเสรีภาพประชาชน เชื่อว่า ส.ว.เห็นด้วย แต่อย่าเอาเรื่องสิทธิเสรีภาพเป็นตัวประกันไปผูกรวมเรื่องอื่น ส.ว.หนักใจในการให้ความเห็นชอบที่มัดมือชก เอาสิทธิเสรีภาพบังหน้า เอาประโยชน์ส.ส.มาผูกรวมกัน นี่คือความจำเป็นต้องมีสองสภาคอยกลั่นกรอง นี่คือ คำตอบมีส.ว.ไว้ทำไม
“ภราดร” ย้ำ ร่างแก้รธน.พรรคภูมิใจไทย ยึดผลประโยชน์ ปชช.เป็นหลัก เชื่อหากบรรจุใน รธน.จะสามารถหาเงินสนับสนุน ปชช.ที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนได้
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายร่าง แก้รัฐธรรมนูญ ของพรรคภูมิใจไทย โดยย้ำว่า การเสนอทั้ง 3 ร่าง ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และเป็นรัฐธรรมนูญกินได้ เชื่อว่า หากบรรจุในรัฐธรรมนูญ รัฐจะสามารถหาเงินมาสนับสนุนประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนได้ จึงอยากให้เพื่อนสมาชิกสนับสนุนหลักคิดนี้
ส่วนการยกเลิกมาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว. โหวตนายกรัฐมนตรี เป็นประเด็นละเอียดอ่อน เป็นไปไม่ได้ที่จะชักชวนให้สมาชิกวุฒิสภา ด้วยการเสียดสี เพราะจะไม่สำเร็จ แต่ต้องคุยกันด้วยเหตุผล โดยเฉพาะการตัดอำนาจ ส.ว. โหวตนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล 5 ปี มองว่า 2 ปีที่ผ่านมากับบทเฉพาะกาล ผ่านการเลือกตั้งมา 1 ครั้ง ส.ว. ได้ใช้อำนาจพิเศษเพียงพอแล้วหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าเพียงพอแล้ว
สำหรับประเด็นการเปลี่ยนกติกาการเลือกตั้งทั้งบัตรเลือกตั้งและเขตเลือกตั้ง หัวใจสำคัญไม่ได้อยู่ที่พรรคภูมิใจไทยจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่อยู่ที่ในฐานะผู้เล่น มีความชอบธรรมเพียงใดที่จะเขียนกติกาให้ตัวเองเล่น อาจเกิดข้อครหาในสังคม เพราะเป็นการเอื้อประโยชน์พรรคการเมืองที่มีส่วนได้เสีย ดังนั้น การเขียนกติกาต้องเขียนโดยประชาชนให้นักการเมืองลงเล่น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news