โฆษก ศบศ.แจง 4 มาตรการเริ่มใช้สิทธิ์วันนี้ หวังช่วยประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยมาตรการช่วยแรงงานผู้ประกอบการ 6 จังหวัด ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจกลางคืนและบันเทิงด้วย
นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า มติครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนสำหรับกลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการ ในกิจการ 3 หมวด ประกอบด้วย ก่อสร้าง ที่พักแรม และบริการด้านอาหาร ศิลปะ บันเทิง และนันทนาการ ทั้งที่อยู่ในระบบและนอกระบบประกันสังคม ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 25) เป็นมาตรการเร่งด่วนที่จะชดเชย เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 เดือน ซึ่งรวมถึงข้อร้องเรียนจากสมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิง ผับ บาร์ ร้านอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19
นอกจากนี้ ยังมี 4 มาตรการ ที่จะเริ่มใช้สิทธิ์วันนี้ ประกอบมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 13.65 ล้านคน รัฐบาลสนับสนุนให้ลนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 16,380 ล้านบาท มาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ป่วยติดเตียง ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 2.5 ล้านคน รัฐบาลสนับสนุนให้ลนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน เม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 3,000 ล้านบาท โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ครอบคลุมผู้มีสิทธิ์จำนวน 31 ล้านคน เปิดให้มีการลงทะเบียนแล้วกว่า 28 ล้านคน โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่ง 150 บาทต่อวันต่อคน ตลอดโครงการ 3,000 บาท ใช้เม็ดเงิน 93,000 ล้านบาท เม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 186,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ท่านนายกรัฐมนตรี เป็นคนต้นคิด และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ ครอบคลุมผู้มีสิทธิจำนวน 4 ล้านคน มีเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ 268,000 ล้านบาท ลงทะเบียนแล้วกว่า 400,000 คน ทั้งนี้ เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเยียยยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news