สมช. เผย 12 ก.ค. ประเมินมาตรการที่บังคับใช้ ยอมรับอาจปรับยุทธศาสตร์แก้ไขสถานการณ์โควิด พร้อมย้ำ ซิโนแวคในไทยมีประสิทธิภาพ ยังรับมือได้
พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ผอ.ศปก.ศบค.) ย้ำถึงมาตรการควบคุมการระบาดโควิด 19 ในเดือน ก.ค. ที่มีการประเมินผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ว่า มาตรการภาครัฐได้ใช้มา 3 เดือนแล้ว เนื่องจากมีประชาชน และผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อน และยังคงจำเป็นที่ต้องดำเนินต่อไป แต่ทั้งนี้ ศบค. ก็จะดูถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วยโดย ศบค. จะลงรายละเอียดในการใช้มาตรการให้เข้มขึ้น รวมถึงเพิ่มมาตรการดูแลในบางอย่างกับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีการประเมินทุก 15 วันหลังใช้มาตรการล่าสุด ว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน โดยในวันที่ 12 ก.ค. นี้ ก็จะมีการประเมินมาตรการที่ได้บังคับใช้ไป ยอมรับว่าหลังจากนี้จะมีการปรับยุทธศาสตร์แก้ไขสถานการณ์โควิด-19 โดยคณะที่ปรึกษาศูนย์บริการสถานการณ์โควิด-19 ที่มาจาก คณาจารย์ด้านการแพทย์ กำลังหารือพิจารณาปรับยุทธศาสตร์อยู่ เช่น การเขารับการรักษาพยาบาล เป็นต้น ยืนยันว่า เวชภัณฑ์ ยา บุคลากรทางการแพทย์ ยังสามารถรองรับสถานการณ์โควิด ได้ หากประชาชน ผู้ประกอบการ ภาครัฐ ร่วมมือกันปฎิบัติตามมาตรการ ศบค.
พร้อมกันนี้ พลเอกณัฐพล ให้คำยืนยันว่า วัคซีนชิโนแวคในไทย มีประสิทธิภาพ ไม่มีผลร้ายแรง เมื่อผู้ผลิตยังใช้อยู่ก็ถือว่าเป็นวัคซีนที่ดี เพราะจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไม่สามารถเลือกวัคซีน หรือ เร่งการส่งมอบวัคซีนให้เร็วขึ้นได้ ซึ่งต้องมีความจำเป็นใช้วัคซีนที่มีอยู่ก่อน ถ้าเลือกได้ ศบค. ก็อยากให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีนตามต้องการ และได้ในเวลาที่รวดเร็ว เช่นเดียวกับวัคซีนทางเลือก ทั้งโมเดอร์นา ไฟเซอร์ ก็ยังเป็นไปตามแผนการสั่งซื้อ