“พิชัย” แนะทางออกวิกฤตโควิด ง่ายสุดเร่งสั่งซื้อ mRNA 60 ล้านโดส – กดดันแอสตราฯส่งวัคซีน ตามแผนกระจายฉีดให้เร็วที่สุด
เสวนา “วิกฤตโควิด-19 : ทางออกก่อนถึงทางตัน” ที่ พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นคือการจัดการบริหารวัคซีนว่า วิธีการที่จะแก้ไขปัญหาและเป็นทางออกในตอนนี้ คือ
1.เร่งสั่งซื้อ mRNA 60 ล้านโดส ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา และต้องเร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์เป็นเข็ม3
2.ต้องเร่งกดดันแอสตราซิเนกาให้ส่งวัคซีนให้กับประเทศตรงตามเป้า
3.กระจายการฉีดวัคซีนให้เร็ว และกำหนดวันเปิดประเทศเสียใหม่ เพราะเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะเปิดประเทศ120 วัน
4.การเปลี่ยนแปลงการเยียวยาใหม่ เพราะมาตรการที่รัฐออกมาตอนนี้ประชาชนเริ่มไม่สนใจ ดังนั้นต้องทำการเยียวยาให้ตรงจุด
5.การออกเงินกู้ 0% เพื่อให้ธุรกิจสามารถกู้ไปทำธุรกิจต่อได้
6.เร่งแก้รัฐธรรมนูญและปิดสวิตช์สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)เพราะประชาชนไม่ต้องการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีแล้วและขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์ว่าออกไปได้แล้วเพราะหมดสภาพยิ่งอยู่ต่อประชาชนยิ่งลำบากเสียงร้องไห้ก็จะดังทั่วประเทศ ฉะนั้นควรเสียสละที่จะลาออกไปได้แล้ว
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเสนอข้อเรียกร้องให้รัฐบาล
1.เร่งฉีด mRNA ให้บุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านหน้าในพื้นที่สีแดงเข้มก่อน
2.ฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้กับประชาชน
3.เร่งตรวจเชิงรุกที่สามารถให้ประชาชนตรวจด้วยตัวเองได้ และเตรียมระบบรองรับให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองที่บ้าน
4.เร่งการเยียวยาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และต้องเยียวยาผู้ประกอบการด้วย
5.ต้องยุบ ศบค. เพราะทำให้ประชาชนสับสน และล่าช้า พร้อมเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องลาออกได้แล้ว และต้องเอาสาธารณสุขมานำการทหารได้แล้ว และเชื่อว่ายิ่งเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเร็วเท่าไหร่โอกาสแก้ปัญหาโควิดก็จะเร็วขึ้น
ขณะที่นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน ประธานอนุกรรมการนโยบายสาธารณสุขพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาในปัจจุบันรัฐบาลไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 มองว่าการแก้ไขปัญหา ต้องทำให้ประชาชนตรวจเบื้องต้นด้วยตนเองได้และมีจุดตรวจเชื้อให้มากขึ้น และเมื่อตรวจได้เยอะจะสามารถแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ไม่ติดเชื้อได้ และต้องปรับแผนวิธีกักกันตัวผู้ป่วยหากการตรวจเชื้อและปรับวิธีการกักตัวแล้ว จะต้องมีวัคซีนเฉพาะหน้า และต้องเลือกใช้กับประชาชนที่จำเป็น คือบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และเร่งจัดหาวัคซีน อย่างวัคซีนที่ผลิตในประเทศทำไมไม่ใช้ในประเทศก่อน เพราวัคซีนที่ผลิตในประเทศอื่นก็มีการใช้ในประเทศก่อน
ดังนั้น การคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อลดอัตราตาย แต่การคัดเลือกนั้นเน้นเฉพาะจังหวัดสีแดงเข้มก่อน ในกลุ่มผู้สูงอายุสามารถฉีดแอสตราซิเนกาได้ส่วนไฟเซอร์ที่จะเข้ามาในเดือนกรกฎาคมนี้ ต้องฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ในจังหวัดสีแดงเข้มก่อน นอกจาก นี้ศบค.ต้องเร่งหาวัคซีนยี่ห้ออื่นเข้ามาและเรียกร้องให้ยกเลิกการสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวค โดยต้องช่วยกันกดดันไม่เอาซิโนแวค พร้อมเรียกร้องให้ ผอ.ศบค. ลาออกไม่เช่นนั้นจะ ใช้ข้อกฎหมายจัดการ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news