“อนุสรณ์” อัดรัฐบาลไม่รู้สภาพตัวเอง ไม่สามารถแก้ไขปัญหา ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ หวั่นล็อกดาวน์ครั้งนี้เจ็บแต่ไม่จบ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการล็อกดาวน์หลังผ่านการบังคับใช้มาครึ่งทาง ว่า ประชาชนประเมินการล็อกดาวน์ครั้งนี้มีแนวโน้มเจ็บแต่ไม่จบ และอาจต้องเจ็บหนักขึ้นไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ สถานการณ์ที่ต้องปิดเมืองก่อนเปิดประเทศ เศรษฐกิจพังลามวิกฤตหนัก ไปอย่างรวดเร็ว หลักฐานฟ้องความล้มเหลวชัด คือการประกาศขยายล็อกดาวน์ไปยังจังหวัดต่างๆเพิ่มขึ้นเป็น 13 จังหวัด และมีแนวโน้มว่าอาจจะต้องประกาศเพิ่มจังหวัดต่างๆอีก ดังนั้น รัฐบาลต้อง
1.สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้เร็วขึ้น ชุดตรวจหาเชื้อด้วยตัวเอง Rapid Antigen Test ต้องเข้าถึงง่าย ไม่เป็นภาระของประชาชน
2.ต้องเร่งจัดหาวัคซีนคุณภาพ mRNA มาฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าและประชาชน เปิดเผยไทม์ไลน์ที่ชัดเจนถูกต้อง เปิดเผยสัญญาอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ภาคประชาชนได้ร่วมตรวจตรวจสอบ
3.เร่งสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ รวมถึงยาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิดให้เพียงพอ
4.การเยียวยา ต้องถ้วนหน้า เข้าถึงง่าย ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ
อาการหนักของรัฐบาล คือไม่รู้สภาพตัวเองว่ากำลังป่วยหนัก ถ้ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหา ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ แล้วไม่ยอมปรับปรุงการทำงาน จะอยู่เป็นรัฐบาลไปเพื่ออะไร
“อนุสรณ์” เย้ย “บิ๊กตู่” ยึดอำนาจมารวมศูนย์ แต่กลับล็อกดาวน์บทบาทตัวเอง แซะรัฐบาลทิพย์
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง การบริหารงานที่ผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในการจัดการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ว่า นอกจากการล็อกดาวน์ประเทศจะล็อกดาวน์ประชาชน ล็อกดาวน์พื้นที่ ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลกำลังล็อกดาวน์บทบาทหน้าที่การทำงานของตัวเองด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผอ.ศบค.รับผิดชอบภาพรวมการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประเทศ และตั้งตัวเองเป็นผอ.ศูนย์แก้โควิด-19 กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็ล้มเหลวผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพแทบทุกตำแหน่ง สะท้อนผ่านการประกาศยกระดับ 13 จังหวัดเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม และมีแนวโน้มอาจต้องประกาศยกระดับจังหวัดต่างๆ เพิ่มขึ้นอีก อุตส่าห์ยึดอำนาจมารวมศูนย์ไว้ที่ตัวเอง แต่กลับล็อกดาวน์บทบาทหน้าที่ตัวเอง ไม่ทำงาน ไม่ตั้งสติ ตรวจสอบ แทนที่จะยอมรับผิดแล้วเดินหน้าปรับปรุงแก้ไข แต่ก็ละทิ้งโอกาสและไม่ทำ แทบทุกกระทรวงหายไปจากสารบบของการดูแลเยียวยาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนปล่อยให้ประชาชนต้องดูแลเยียวยาตัวเอง
“รัฐบาลทิพย์ รัฐมนตรีล็อกดาวน์บทบาทตัวเอง คนเปราะบาง ประชาชน เดือดร้อนทั่วทุกหย่อมหญ้า เยียวยาไม่พอยาไส้ แต่ให้ประชาชนดูแลกันเองจิตใจทำด้วยอะไร”
“อนุสรณ์” อัดตำรวจไม่อยู่ข้างประชาชน มีทัศนคติ เป็นลบต่อผู้ชุมนุม ยิงกระสุนยางก่อนการประกาศชี้แจง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณี การใช้ความรุนแรงในการควบคุมและสลายการชุมนุมของประชาชน ว่า แทนที่เจ้าที่ตำรวจจะยืนข้างอำนาจรัฐที่ล้มเหลว ควรยืนข้างความถูกต้อง รับฟังประชาชน แทนที่จะมีทัศนคติอันเป็นลบต่อผู้ชุมนุม ควรเห็นใจและเปิดใจรับฟังในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วิกฤตหนักรอบด้าน แต่ประชาชนกลับเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ฝ่าโควิด ไปชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ล้มเหลว เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ ประชาชนมาร้องขอวัคซีนคุณภาพ mRNA กลับได้รถฉีดน้ำแรงดันสูงแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ลามไปถึงสื่อมวลชนที่ยืนยันว่าเจ้าที่ตำรวจยิงกระสุนยางก่อนการประกาศว่าจะใช้ ถ้าเหตุเพลิงไหม้ที่กิ่งแก้วมีประสิทธิภาพในการดับไฟได้สักครึ่งของการปราบปรามม็อบ คงสามารถควบคุมเพลิงได้เร็วกว่านี้ ถ้าวัคซีน mRNA มาเร็วกว่า ตู้คอนเทนเนอร์ ประชาชนคงไม่วิกฤตหนักเจ็บป่วยล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงเช่นทุกวันนี้
ความสูญเสีย คราบน้ำตา เสียงร้องไห้ ที่ดังระงมทั้งประเทศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้ยินบ้างหรือ วิกฤตโควิด ผู้คนเดือดร้อนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวก็โดนไม่ต่างกัน ไม่มีประโยชน์ที่จะยืนเพื่อรักษาอำนาจรัฐที่ล้มเหลว แต่ต้องยืนเพื่อความถูกต้อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news