“ยุทธพงศ์” เผย กมธ.แขวนงบฯ กองทัพเรือ ไว้ ให้กลับไปนำสัญญามาชี้แจง ในวันที่ 27 ก.ค. นี้ ย้ำหากเป็นความลับจะต้องถูกลดงบฯทิ้งทั้งหมด
นาย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในขณะนี้น่าเป็นห่วงอย่างมากภายใต้การบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี วันนี้มีคนติดเชื้อ คนตาย และคนอดอยากแต่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้ กองทัพ ซื้ออาวุธ
โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมาที่ประชุมกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 คณะอนุกรรมาธิการ ครุภัณฑ์ และไอซีทีฯ ที่ดูแลงบด้านการจัดซื้อของกลาโหม ซึ่งกองทัพบกของบซื้ออาวุธ 15,337 ล้านบาท ถูกปรับลดเหลือ 1,100 ล้านบาท กองทัพอากาศของบมา 11,540 ล้านบาท ถูกปรับลดเหลือ 510 ล้านบาท
ด้านกองทัพเรือ เสนอมาทั้งสิ้น 7,490 ล้านบาท แต่กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ได้แขวนไว้ก่อน เนื่องจากมีข้อสงสัยในความไม่โปร่งใสของสัญญา G to G ของกองทัพเรือที่มีการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีหนังสือจากกองทัพเรือ ส่งไปยังรองประธานองค์กรบริหารงานของรัฐด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม เพื่อการป้องกันประเทศของจีน ซื้อเรือ 2 ลำ
คือ เรือยกพลขึ้นบก หรือเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ LPD จำนวน 6,200 ล้านบาท และเรือ 13,000 ล้านบาท จัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ แต่เรือลำดังกล่าวไม่มีอาวุธปืน โดย กมธ. ได้ร้องขอต่อ พล.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการกองทัพเรือให้ส่งสัญญาจัดซื้อเรือ LPD และเรือดำน้ำลำที่ 1 เนื่องจากมีงวดต้องจ่ายในงบ 65 ซึ่งได้ขอต่อ กมธ. มา 1,145 ล้านบาท และเรือดังกล่าวของบมา 1,674 ล้านบาท
ซึ่ง กมธ. มีมีมติแขวนงบไว้ ให้กลับไปนำสัญญามาชี้แจงในวันที่ 27 ก.ค.นี้ หากเป็นความลับเอามาเปิดเผยไม่ได้ กมธ.ก็จะต้องปรับลดงบทิ้งทั้งหมด เนื่องจากไม่รู้ว่าจะอนุมัติงบได้อย่างไร
โดยนายยุทธ์พงศ์ ระบุว่า ราคาเรือดำน้ำไม่ใช่ราคา 2 หมื่นกว่าล้านบาท แต่ทั้งหมดราคา 44,222 ล้านบาท มีโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 จำนวน 12,424 ล้านบาท โครงการจัดซื้อเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ระยะที่ 1 (2562-2565) จำนวน 4,385 ล้านบาท ระยะที่ 2 (2562-2565) จำนวน 1,800 ล้านบาท โครงสร้างท่าจอดเรือและอาคารสนับสนุนบริเวณท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ระยะที่ 1(2563-2564) จำนวน 900 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งทั้งหมด 9 โครงการ เป็นงบผูกพันไม่ได้จ่ายทีเดียว
ซึ่งตนได้เห็นว่าโครงสร้างท่าจอดเรือและอาคารสนับสนุนบริเวณท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ มีรายการขุดลอกบำรุงรักษาร่องน้ำและทำเขื่อนกันคลื่น จำนวน 833,323,122 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายพิเศษ จำนวน 24,289,300 ล้านบาท ซึ่งต้องให้รัฐบาลจีนมาทำ โดยตนมองว่าทำไมต้องให้รัฐบาลจีนมาทำ บริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ในประเทศไทยไม่สามารถทำได้หรือ ซึ่งหากวันที่ 27 ก.ค. นี้ กองทัพเรือไม่นำสัญญามาให้ กมธ.ดู จะแสดงให้เห็นว่า กองทัพเรือไม่ตรงไปตรงมา และมีปัญหาเรื่องสัญญา G to G
หากไม่สามารถแจงการจัดซื้อโดรน 3 ลำได้ จะต้องถูกปรับลดงบในส่วนนี้
นายยุทธพงศ์ ระบุด้วยว่า กองทัพเรือจะมีการจัดซื้อโดรน อากาศยานไร้คนขับประจำฐานบินชายฝั่ง งบประมาณ 4,000 ล้านบาท 3 ลำ ลำละ 1,400 ล้านบาท ซึ่งทางกองทัพเรือยังไม่ได้ชี้แจง
โดยขณะนี้ประชาชนนอนรอความตาย คนอดอยากจากสถานการณ์โควิด-19 แต่กองทัพเรือมีความจำเป็นที่ต้องจัดซื้อโดรน ซึ่งตนอยู่ในกรรมาธิการครุภัณฑ์ และไอซีทีฯ หากกองทัพเรือไม่สามารถชี้แจงถึงการจัดซื้อโดรน 3 ลำดังกล่าวได้ ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ พวกเราจะต้องขอปรับลดงบประมาณในส่วนนี้
นายยุทธพงศ์ ระบุว่า ขอร้องกองทัพเรือเห็นแก่ความเดือดร้อน ความอดอยาก วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ จะอ้างเหตุผลรักษาผลประโยชน์ทางทะเล ในตอนนี้รักษาประชาชนก่อน
ซึ่งตนในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องต่อสู้คัดค้านการซื้ออาวุธที่ไม่จำเป็นหรือเร่งด่วน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
