กมธ.งบฯพท.ยันตัดสินใจคำนึงถึงประโยชน์ปชช.
“ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ยืนยัน กมธ.งบฯเพื่อไทย ตัดสินใจรอบคอบ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน
นาย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีการยกมือให้นำเงินไปไว้ที่งบกลางเพื่อแก้สถานการณ์โควิด ว่า พรรคเพื่อไทยตระหนักดีถึงสถานการณ์โควิดในปัจจุบันที่การแพร่ระบาดของเชื้อส่งผลให้มีผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ดังนั้น การพิจารณาในชั้น อนุ กมธ. ที่มีการปรับลดงบประมาณ เกิดจากการปรับลดงบฯที่หลายพรรคการเมืองช่วยกัน โดยเห็นตรงกันว่า ควรจะนำมาใช้ในการแก้ปัญหาจากสถานการณ์โควิด เพื่อรัฐบาลจะได้ไม่ต้องไปกู้เงิน ประชาชนจะได้ไม่ต้องแบกภาระหนี้เพิ่มเติมขึ้นมา ในชั้นกรรมาธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้ร่วมกันคิดและตัดสินใจโดยสุจริต ปราศจากผลประโยชน์ส่วนตน นึกถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงนำงบกลาง หรือเรียกว่า “งบโควิด” ให้ไว้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์คำขอใช้งบกลางที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “เพื่อสำรองไว้สำหรับการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาจากการระบาดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่องครอบคลุมทั้งด้านด้านเศรษฐกิจและสังคม” จึงไม่สามารถนำไปใช้อย่างอื่นได้ โดยเงินงบประมาณส่วนนี้ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ป้องกันไม่ให้ ส.ส. หรือกรรมาธิการมีส่วนโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณ ซึ่งเป็นความผิดถึงขั้นมีโทษทางอาญา และเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งได้
ส่วนที่พรรคก้าวไกลได้เสนอโดยให้นำงบที่ตัดลด ไปเพิ่มเติมส่วนต่างๆ นั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ซึ่งไม่ตรงกับความต้องการของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งการตัดสินใจของกรรมาธิการของพรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวข้องกับสถานภาพการยอมรับในตัว พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล และยังยืนยันว่าพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้นำที่ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ความสามารถในการบริหารประเทศ ซึ่งพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้ยืนยันที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์และพวกเร็วๆ นี้ พร้อมยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด แต่ในรายการในงบประมาณหน่วยงานต่างๆ ที่กล่าวอ้างมานั้นไม่มีแผนงานหรือรายการงบประมาณที่จะนำไปใช้แก้ไขปัญหาโควิดเลย
พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าการตัดสินใจของกรรมาธิการของพรรคเพื่อไทย เป็นไปโดยรอบคอบ สุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นการตัดสินใจที่อยู่บนสภาพความเป็นจริง บนสภาพที่เป็นฝ่ายค้านในรัฐสภา แยกมิตร แยกศัตรู ไม่ทำร้ายใคร สภาพความจริงคือ สู้ไป ยืนยันไป ก็ไม่ชนะ เราจึงต้องร่วมกันต่อสู้กับความไม่ชอบมาพากลในการทำงานของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ในขณะนี้
รองประธานกมธ.งบฯ แถลงกรณียกมือให้นำเงินไปไว้ที่งบกลางเพื่อแก้สถานการณ์โควิด ย้ำเมื่อแก้ตั้งแต่ต้นไม่ได้ก็ต้องแก้ไขที่ปลายเหตุก่อน
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) งบฯปี 65 แถลงถึงกรณีการยกมือให้นำเงินไปไว้ที่งบกลางเพื่อแก้สถานการณ์โควิด ว่า การจัดงบประมาณปี 2565 ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นการจัดตามแผนเดิมที่ไม่มีการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิดแต่อย่างใด พรรคเพื่อไทยจึงต้องตัดสินใจช่วยแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หาช่องทางนำเงินนี้ใส่ไว้ในแผน ที่สามารถนำมาใช้ในเรื่องที่เกี่ยวกับโควิดได้ทันที ซึ่งเหลืออยู่ช่องทางเดียวคือแผนงานงบกลาง ซึ่งระบุการใช้เงินเพื่อวิกฤตโควิดเท่านั้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นต่างกับพรรคก้าวไกลที่เสนอให้นำงบฯ ดังกล่าวไปไว้ในส่วนอื่น เพราะเป็นข้อเสนอที่แก้ปัญหาไม่ตรงจุด ตามข้อจำกัดของวิธีการงบประมาณ คือ แม้เราจะนำเงินไปใส่ในหน่วยงานต่างๆ ที่ก้าวไกลเสนอ ก็ไม่สามารถนำเงินไปใช้ได้ทันที เพราะไม่อยู่ในแผนงานของหน่วยงานนั้นๆ มาก่อน หากจะใช้วิธีเสนอเปลี่ยนแผนโครงการ มีขั้นตอนในการเขียนแผนงาน เสนอ พิจารณา และอนุมัติ กว่าจะได้เงินมาใช้ จะไม่ทันต่อสถานการณ์วิกฤตของพี่น้องประชาชนไทย และหากพิจารณาในรายละเอียดแผนงานพบว่า หน่วยงานต่างๆ แทบจะไม่มีเรื่องแก้วิกฤตโควิดเลยตามข้อเสนอของก้าวไกล เช่น การเสนอโยกงบมาไว้ในประกันสังคม แต่ประกันสังคมมีเงินอยู่แล้วมากกว่า 2 ล้านล้านบาท และเอามาใช้เพื่อโควิดน้อยมาก หรือกรณีที่เสนอไว้ในสำนักงานประกันสุขภาพ แต่เมื่อพิจารณาแผนคำขอมา แทบไม่เกี่ยวกับการจัดการโควิด
ส่วนข้อเสนอนำงบไว้ในกองทุนเสมอภาคทางการศึกษา แต่ลักษณะของหน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานอิสระที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น ที่ผ่านมามีลักษณะการใช้เงินที่ไม่มีแบบแผนชัดเจน และไม่ได้แก้ไขปัญหาเรื่องโควิด ส่วนข้อเสนอโยกงบให้ท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้นำไปจัดสรรต่อในด้านต่างๆ ซึ่งไม่ใช่การจัดสรรตรงไปที่ท้องถิ่น ซึ่งในส่วนนี้ไม่ได้มีแผนงานเกี่ยวกับโควิดรองรับไว้เช่นกัน หรือแทนที่จะจัดสรรลงไปตรงพื้นที่ที่มีปัญหา อาจเป็นการกระจายงบฯ ลงไปในหลายจังหวัดที่ปัญหาไม่รุนแรงก็เป็นได้
“ชลน่าน” แจงยกมือนำเงินไว้งบกลางเพื่อแก้โควิด ย้ำ นายกฯไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้
นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีการยกมือให้นำเงินไปไว้ที่งบกลางเพื่อแก้สถานการณ์โควิด ว่า ข้อสงสัยที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเอางบประมาณไปใส่งบกลางให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เอาไปใช้ เสมือนตีเช็คเปล่า ใช้ตามอำเภอใจ เอาไปซื้อกระสุนยางมายิงพี่น้องประชาชนก็ได้นั้น เป็นข้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงเป็นอย่างมาก แต่หากพลเอกประยุทธ์จะเอางบไปซื้ออาวุธไปยิงประชาชน คนไทยต้องร่วมกันประณามขับไล่พลเอกประยุทธ์
ทั้งนี้ จากการติดตามการทำงานของ กมธ.งบส่วนนี้ได้ระบุการใช้ไว้ชัดเจนซึ่งเป็นไปตามเจตจำนงของ ส.ส.ส่วนใหญ่ ที่ปรับลดงบประมาณแล้วนำเงินส่วนนี้แก้ไขสถานการณ์โควิดโดยตรงเท่านั้น ซึ่งช่องทางคือ งบกลาง ที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะสำหรับแก้ปัญหาโควิดเท่านั้น ต้องผ่านช่องนี้เท่านั้น แต่โชคร้ายที่หน่วยงานที่รับผิดชอบคือนายกรัฐมนตรี ที่บริหารจัดการงบกลาง ส่วนจะเป็นการตีเช็คเปล่าหรือไม่นั้น เนื่องจากการใช้เงินงบประมาณยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้นพลเอกประยุทธ์มีหน้าที่บริหารงบประมาณ แต่ทำตามอำเภอใจไม่ได้ เพราะมี พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ กฎหมายการคลัง ซึ่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นผู้กำหนดและออกระเบียบมาตรการรองรับไว้
อย่างไรก็ตาม กระบวนการตรวจสอบติดตามการใช้เม็ดเงินงบกลางมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น สตง. พนักงานตรวจสอบภายใน ฝ่ายรัฐสภา ที่สามารถตั้งกระทู้เสนอญัตติตรวจสอบโดยตรง โดยสามารถเรียกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาตอบกระทู้ในสภาได้ กรรมาธิการติดตามงบประมาณประจำสภา เรียกหน่วยงานรับงบประมาณ สำนักงบประมาณ ติดตามดูพื้นที่ และกรรมาธิการที่เกี่ยวเนื่องกับงบประมาณ สามารถตรวจสอบได้อย่างเข้มข้น
ประเด็นการโยกงบกลาง แม้ดูเหมือนจะเป็นการเมืองระหว่างพรรคการเมือง ก็ถือเป็นการตรวจสอบซึ่งกันและกัน และถือเป็นการตรวจสอบของประชาชนต่อผู้แทนราษฎร แม้สิ่งที่นำเสนอในโซเชียลมีเดียจะมีวัตถุประสงค์ใดๆ ก็ตาม ถ้าพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ก็คือดีที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news