ทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นเผยสหรัฐฯ มอบเงินช่วยสธ.ไทยสู้“โควิด” พร้อมให้ 50 ล้านเหรียญแก่เอ็นจีโอ-องค์การระหว่างปท.ใช้ดูแลผู้ลี้ภัยในไทย ยันส่งวัคซีนช่วยไทยอีก 1 ล้านโดสเร็วๆนี้
เว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเผยแพร่คำกล่าวของนางลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ ที่ศูนย์ฉีดวัคซีน โรงพยาบาลเมดพาร์ค ถนนพระราม 4 เนื่องในโอกาสการเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9-12 ส.ค.2564 โดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่เรามีต่อชาวไทยระหว่างวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ สหรัฐฯยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับประเทศไทยมากว่า 200 ปี เรามีความร่วมมือที่ครอบคลุมและแข็งแกร่งในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการค้าและการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน ไปจนถึงพันธมิตรทางการทหารที่แน่นแฟ้น และความร่วมมือด้านสาธารณสุข ความสัมพันธ์ของเรามีรากฐานอยู่บนค่านิยมที่ชาติของเราทั้งสองมีร่วมกันเหนือสิ่งอื่นใด ด้วยเหตุนี้ ตนจึงภูมิใจที่ได้มาที่โรงพยาบาลเมดพาร์คในวันนี้ (10 ส.ค.) ตนรู้สึกยินดีที่มีโอกาสได้เห็นการดำเนินการของไทยในการฉีดวัคซีนและปกป้องประชาชนด้วยวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯได้มอบให้เมื่อเร็วๆนี้
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวอีกว่า เมื่อเช้าวันนี้ ตนได้พบกับบุคลากรสาธารณสุขด่านหน้าซึ่งเป็นวีรบุรุษและวีรสตรีของไทย ในขณะที่พวกเขาได้รับวัคซีนเข็มแรก และตนรู้สึกเกิดแรงบันดาลใจที่ได้ฟังเรื่องราวของพวกเขาในการปฏิบัติงานเพื่อรักษาชีวิต อีกทั้ง ตนยังได้รับฟังสรุปเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทุกคนในประเทศไทยปลอดภัย นับตั้งแต่ที่เกิดการระบาดใหญ่ สหรัฐฯได้มอบเครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล และอุปกรณ์สำคัญอื่นๆให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อช่วยต่อสู้กับโรคโควิด-19 นอกจากนี้ บุคลากรทางการแพทย์ชาวอเมริกันยังทำงานเคียงข้างเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทยในการต่อสู้กับไวรัสที่เลวร้ายนี้ด้วย
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมอบเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม จำนวน 50 ล้านเหรียญ แก่ภาคีองค์การระหว่างประเทศและองค์กรนอกภาครัฐโดยตรง เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านอาหารกรณีฉุกเฉิน อุปกรณ์ช่วยชีวิต ที่พักพิง การให้บริการสาธารณสุขหลัก น้ำ การส่งเสริมสุขภาพ และบริการด้านสุขอนามัยต่างๆแก่ประชากรกลุ่มเปราะบางจากเมียนมา ซึ่งรวมถึงผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ กว่า 700,000 คน ทั้งนี้ เงินช่วยเหลือดังกล่าวจะช่วยให้ไทย องค์กรนอกภาครัฐ และองค์การระหว่างประเทศสามารถตอบโต้วิกฤตการณ์โควิด-19 และตอบสนองต่อความต้องการของประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายแดนฝั่งไทย
“ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่ยากลำบากทั้งที่ประเทศไทยและในทั่วโลก และดิฉันอยากจะให้คนไทยทราบว่าสหรัฐฯจะยืนเคียงข้างพวกท่านต่อไป นอกจากนี้ ดิฉันยังอยากจะขอบคุณบุคคลเหล่านี้เป็นพิเศษ ได้แก่ พยาบาล หมอ บุคลากรสาธารณสุข อาสาสมัคร และทุกคนที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อหยุดไวรัสนี้และช่วยชีวิตคนมากมาย”
สำหรับการเยือนประเทศไทยของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 ส.ค.2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและยกระดับความเป็นหุ้นส่วนด้านต่างๆที่สำคัญ ระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีกำหนดการเข้าพบบุคคลในรัฐบาลไทย เพื่อหารือถึงประเด็นต่างๆที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความสนใจ ซึ่งรวมถึงการกระจายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ไฟเซอร์ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาคให้รัฐบาล จำนวน 1,503,450 โดส สถานการณ์ในประเทศเมียนมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเสริมความร่วมมือกับประชาคมอาเซียน
นอกจากนี้ ยังมีกำหนดการที่จะพบกับผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและเอ็นจีโอในไทยด้วย ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในวันที่ 11 ส.ค.นี้ เวลา 11.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news