นายกฯย้ำเร่งเดินหน้าพลิกโฉมประเทศไทย เพื่อส่งมอบความ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”ลดเหลื่อมล้ำ
พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2564 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยกล่าวว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติประเทศไทยจำเป็นต้องมีแผนหลักที่จะเดินไปข้างหน้าในระยะเวลา 5 ปี ด้วยการบูรณาการทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์ที่ต้องการ คือ การเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ลดความเหลื่อมล้ำ ลดความยากจน ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ด้วยการพลิกโฉมประเทศไทย ภายในระยะเวลาที่รัฐบาลยังทำหน้าที่อยู่และส่งมอบความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไปในอนาคต
โอกาสนี้ คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการสำคัญประจำปี 2566 ที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ(ปี 2566 – ปี 2570) รวมจำนวน 406 ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 รวมทั้งกระบวนการงบประมาณที่ต้องรองรับการดำเนินการโครงการสำคัญประจำปีงบประมาณ 2566 เพื่อนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ในการจัดทำโครงการสำคัญของประเทศตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติในห้วงปี 2566 – 2570 ได้อย่างเป็นรูปธรรมบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ โดยได้มีการกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามแนวทางอย่างเคร่งครัด และบูรณาการเพื่อให้กลุ่มคนจนเป้าหมายกลุ่มคนเปราะบางได้รับความช่วยเหลือพัฒนาที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ นายกฯย้ำความสำคัญของการจัดทำโครงการสำคัญที่ต้องตอบโจทย์ความต้องการในระดับพื้นที่ ภายใต้การบูรณาการทั้งจากส่วนกลางและหน่วยงานระดับพื้นที่จะเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ รวมทั้งต้องมีการรายงานผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานของหน่วยงานที่มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อป้องกันความซ้ำซ้อนและลดความไม่โปร่งใส นำไปสู่ความคุ้มค่าของเงินงบประมาณต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news