กมธ.สื่อสารมวลชนฯ เปิดรายงานค้นหาความจริง เหตุรุนแรงสลายชุมนุมจากเจ้าหน้าที่รัฐ บริเวณสี่แยกดินแดง
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน พร้อมด้วย พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะ รองประธานคณะทำงานศึกษากรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมือง แถลงเปิดรายงานข้อเท็จจริงและหลักฐานการติดตามค้นหาความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2564 บริเวณสี่แยกดินแดง
โดย พ.ต.ต.ชวลิตกล่าวถึงความจริงที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ที่เกิดความรุนแรงจากการสลายชุมนุมจากเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชน โดยมีเยาวชนอายุ 14 และ 15 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อกรณีดังกล่าว โดยรายแรก ด.ช.ธนพล อายุ14 ปี ถูกอาวุธปืนจริงยิงเข้าที่หัวไหล่ขวาทะลุออกไปด้านหน้า ปัจจุบันรักษาอาการปกติเรียบร้อยแล้ว บริเวณปากซอยประชาสงเคราะห์ 14 จากหลักฐานเบื้องต้นทำให้คณะทำงานพบเห็นว่า เด็กอายุ 14 ถูกทำร้ายจากกลุ่มชายฉกรรจ์อย่างแน่นอน เป็นการกระทำที่อุกอาจ มีไฟส่องสว่าง บริเวณที่สาธารณะ และไม่คิดว่าตำรวจจะสามารถเอาผิดทางกฎหมายกับกลุ่มชายฉกรรจ์ได้
รายที่สอง นายวาริศ อายุ 15 ปี ถูกอาวุธปืนจริงโดนที่ลำคอ บริเวณด้านซ้ายกระสุนฝังก้านสมองปัจจุบันรักษาอาการในขั้นวิกฤติที่โรงพยาบาล เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ถนนมิตรไมตรี บริเวณตรงข้าง สน.ดินแดง จากการลงพื้นที่พบ หลักฐานที่สอดคล้องเป็นคลิปวิดีโอมีเสียงปืน 15 นัด และกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนหน้า สน.ดินแดง ซึ่งคาดว่าใช้อาวุธมากว่า 2 กระบอก รวมไปถึงสามารถเห็นได้ว่า ผู้ก่อเหตุสวมเสื้อสีขาว เมื่อดูภาพในมุมสูงจะเห็นความสัมพันธ์ต่างได้ง่ายขึ้น เป็นการกระทำที่อุกอาจ และไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง
คณะทำงานตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์ ทั้ง 2 ราย มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งจากกล้องวงจรปิด เป็นเส้นทางกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใช้ก่อเหตุ โดยออกจากปากซอยประชาสงเคราะห์ 14 และมุ่งหน้าถนนห้วยขวาง ซึ่งจะมีซอยประชาสงเคราะห์ 21 ทะลุไปยังข้าง สน.ดินแดงได้ ระยะประมาณ 300 เมตร ซึ่งจากภาพในกล้องวงจรปิดพบว่า ผู้ก่อเหตุเลี้ยวเข้าบริเวณดังกล่าวจริง
โดยณัฐชา กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมากว่า 1 เดือน ยังไม่สามารถจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ และเหตุใดกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนอยู่บริเวณหน้า สน.ดินแดง คณะทำงานยังไม่ได้สรุปหรือยืนยันว่ากลุ่มคนที่ก่อเหตุที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ โดยต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนตรวจสอบ และชี้แจงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับสังคม รวมถึงหาผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อกรณีดังกล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news