กมธ.ดีอีเอส แจงผู้เกี่ยวข้องออกใบอนุญาต “ไทยคม” ปี 55 ยึด พ.ร.บ.โทรคมนาคมฯ ย้ำ ไม่เกี่ยวสัญญาสัมปทาน
น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส)สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุม กมธ. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พิจารณาวาระต่อเนื่องถึงการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียมสื่อสาร ณ ตำแหน่งวงโคจร 120 องศาตะวันออกให้กับบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เมื่อช่วงปี 2554-2555 หลังจากมีกรณีที่การตั้งข้อสังเกตจากหลายฝ่ายถึงการ ให้ใบอนุญาตดังกล่าวกับบริษัทไทยคมฯ ไม่ถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมาย และทับซ้อนกับการสัญญาสัมปทาน ซึ่ง กมธ. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง จากข้อมูลเบื้องต้น ผู้ชี้แจงยืนยันว่า การออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการกับบริษัทไทยคมฯ ในขณะนั้น เป็นคนละส่วนกับการให้สัญญาสัมปทาน และการออกใบอนุญาตประกอบกิจการให้กับบริษัทไทยคม ฯ ภายใต้อำนาจของ คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. ในยุคนั้น ปฏิบัติภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ซึ่งบริบทในตอนนั้นต่างจากบทบัญญัติ และอำนาจของ กสทช.หลังมีรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีการแก้ไขปรับปรุง
พ.ร.บ.กสทช.หลายครั้ง ตลอดจนการเปิดเสรีดาวเทียมในภายหลัง อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ กมธ. ต้องพิจารณาเพิ่มเติมจึงขอนัดประชุม กมธ. พิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้ชี้แจง ย้ำว่าใบอนุญาตที่อนุมัติให้บริษัท ไทยคมฯ เมื่อปี 2555 เป็นใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม มิใช่ใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ ตามมาตรา 45 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ หรือ พ.ร.บ.กสทช. พ.ศ. 2553 จึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติดังกล่าว และไม่ต้องดำเนินการโดยวิธีการประมูลเช่นเดียวกับการประมูลคลื่นความถี่
สำหรับสาระสำคัญของผู้ชี้แจงนั้น นายธานีรัตน์ ระบุว่า การที่ กทค. ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทน กสทช. ในขณะนั้นได้ออกใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมฯ ให้กับบริษัท ไทยคมฯ เป็นการใช้อำนาจและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการอนุญาตและกำกับดูแลในกิจการโทรคมนาคม รวมทั้งคลื่นความถี่ที่ถือเป็นทรัพยากรสื่อสารของชาติ โดยหน้าที่สำคัญ คือการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการดาวเทียม และดูแลการให้บริการดาวเทียมซึ่งการออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการดาวเทียมดังกล่าวนั้น เป็นไป ภายใต้กรอบของกฎหมายที่ให้อำนาจหน่วยงาน คือ กสทช. ดำเนินการ และมีคำพิพากษาของศาลปกครองในคดีหมายเลข 546/2550 วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานว่า การประกอบกิจการดาวเทียมถือเป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมและอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กสทช. ทั้งนี้ การออกใบอนุญาตประกอบกิจการนั้น เป็นคนละกรณีกับการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ที่ต้องเข้าสู่ระบบประมูล
ขณะที่ นายโสรัจจ์ ชี้แจงเสริมด้วยว่า กสทช. มีอำนาจตามกฎหมายในการออกใบอนุญาตประกอบกิจการ ทั้งรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ที่กำหนดให้มีองค์กรอิสระ ดูแลและ กำกับกิจการโทรคมนาคม การจัดสรรคลื่นความถี่ให้เป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและประเทศชาติ รวมทั้งการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม และ พ.ร.บ. กสทช. พ.ศ. 2553 และ พ.ร.บ.การประกอบกิจการฯ พ.ศ. 2544 สำหรับหลักเกณฑ์การขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการนั้น กสทช. ดำเนินการภายใต้กฎหมายแม่บทที่ให้อำนาจข้างต้น และมีอนุบัญญัติซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการรองรับทั้งสิ้น โดยคำนึงถึงประโยชน์ต่อประเทศ และรักษาวงโคจรของชาติเป็นสำคัญ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news