นายกฯเร่งหาวัคซีนลุยเยียวยาฟื้นศก.นำปท.พ้นวิกฤต
นายกฯ เปิดงาน “13 หมุดหมาย พลิกโฉมประเทศไทย” หวังสถานการณ์หวังกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ยันรัฐบาลพยายามเต็มที่คลี่คลายวิกฤต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถา ในงาน Mission to Transform 13 หมุดหมาย พลิกโฉมประเทศไทย ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยหวังว่าสถานการณ์ต่างๆจะกลับสู่สภาวะปกติได้เร็ว ซึ่งรัฐบาลพยายามใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายวิกฤตต่างๆ เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วที่สุด การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 นับเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับประเทศไทยที่สะท้อนว่าการที่ประเทศของเราจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงนั้น จะต้องมีความพร้อมที่จะเผชิญกับความผันผวนต่างๆอย่างรัดกุม และสมดุลในทุกด้านและสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้สามารถรับมือได้ คือ การมีแผนการพัฒนาประเทศที่มีเป้าหมายอย่างชัดเจน มีแนวทางดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นแผนที่ดึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้มาร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นแผนการรับมือกับความท้าทายของประเทศซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทย ประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภายหลังจากที่ประเทศมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นแผนปฏิบัติการในช่วงทุกระยะ 5 ปีของยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะทำให้การพัฒนาประเทศในทุก 5 ปีเป็นอย่างสอดคล้องในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 ซึ่งเป็นแผนในช่วง 5 ปีแรกของยุทธศาสตร์ชาติจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2565 และจะมีการประกาศใช้แผนพัฒนาฯฉบับที่ 13 เป็นแผน 5 ปีในระยะที่ 2 ของยุทธศาสตร์ชาติ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ภาพรวมสถานการณ์โลกและสถานการณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน การที่จะก้าวไปสู่อนาคตร่วมกันอย่างมั่นคงจำเป็นจะต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงต่างๆในโลกอย่างรอบด้าน แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลกที่กำลังกระทบกับหลายประเทศในโลกรวมทั้งประเทศไทย คือแนวโน้มที่เรียกว่าMega Trend ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ในช่วงที่ผ่านมายังไปอีกหนึ่งปัจจัยที่เป็นตัวเร่งทำให้ Mega Trend ที่มีอยู่แล้วเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
จนทำให้วิถีชีวิตของทุกคนในโลกต้องปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ ซึ่งเรียกว่าความปกติรูปแบบใหม่หรือ New Normal ดังนั้น การกำหนดทิศทาง
การพัฒนาประเทศของเราในอนาคตจำเป็นจะต้องพิจารณาทั้งบริบทการเปลี่ยนแปลงภายนอกประเทศควบคู่กับการประเมินเงื่อนไขของปัจจัยภายในหรือสภาพแวดล้อมและศักยภาพของประเทศ ทั้งที่เป็นจุดแข็งและจุดอ่อน เพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกทิศทางและแนวทางที่จะเป็นประโยชน์มากที่สุดสำหรับประเทศ ในการที่จะก้าวต่อไปท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่ผันผวนรวดเร็วของโลก? โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างภูมิคุ้มกันของประเทศให้มีความเข้มแข็งเพื่อให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ย้ำว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ถือเป็นโอกาสและความเสี่ยง การขับเคลื่อนประเทศไทย ที่ทวีความรุนแรงขึ้นและส่งผลกระทบต่อทางเศรษฐกิจและสภาพจิตใจของคนไทยทุกคน รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาดังกล่าวและพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะควบคุมสถานการณ์โดยระยะสั้นรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะควบคุมการแพร่ระบาด ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและระบบสาธารณสุขของประเทศ รวมถึงเร่งจัดหาการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้กับประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วถึงและรวดเร็วเพื่อลดความเจ็บปวดรุนแรงและเสียชีวิต รัฐบาลขอให้คำมั่นว่าจะพยายามและจัดหาและฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้กับประชาชนอย่างครอบคลุมทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อลดความเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต รวมถึงมาตรการทางเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วนเพื่อยาวและบรรเทาผลกระทบต่างๆให้แก่ประชาชน
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้เร็วที่สุด และฟื้นประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 กับการทำงานของรัฐบาล กับการพลิกโฉมของประเทศ ถึงเวลาที่จะต้องกำจัดจุดอ่อน เสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยที่ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน และร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ที่เตรียมจะประกาศให้ใช้ในปี 2566 นั้น มีความมุ่งหวังเพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่โฉมหน้าใหม่ของประเทศไทยที่ก้าวทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news