“จิรายุ”จี้รัฐบาล อย่าเพิ่งวุ่นวายกับเรื่องของส่วนตัวมากนัก แนะยุ่งกับความเดือดร้อนของประชาชนให้มาก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน กล่าวว่า ในช่วงของการปิดสมัยประชุมนี้ พรรคเพื่อไทยมีนโยบายให้ประธานกรรมาธิการในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการตรวจสอบกระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ และทำสรุปส่งให้พรรคผ่านสำนักงานปราบโกงทุกสัปดาห์ เพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดสมัยประชุมต่อไปในเดือนพฤศจิกายน 2564 ซึ่งอาจจะมีการยื่นอภิปรายเป็นการทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 อีกครั้ง ซึ่งถือเป็นครั้งที่สำคัญที่จะชี้ให้ประชาชนเห็นว่าฝ่ายค้านได้ทำงานอย่างเต็มที่ หลายเรื่องที่อภิปรายไม่ไว้วางใจและติดตามตรวจสอบแต่รัฐบาลก็ไม่เคยตั้งคณะกรรมการ หลายประเด็นตนก็ไปยื่นร้องถึงนายกรัฐมนตรีก็ตั้ง “ลูกพี่สอบลูกน้อง” และบางเรื่องก็ดองเรื่องเอาไว้ และที่สำคัญการแก้ไขในเรื่องการทุจริตของรัฐบาลปัจจุบันมีมากมายหลายกระทรวง ทบวง กรม และไม่ได้มีการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง สนใจแต่จะลงพื้นที่แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งกลุ่มแบ่งก้อนกัน ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร
จึงอยากฝากไปยังรัฐบาล อย่าเพิ่งวุ่นวายอะไรกับเรื่องของส่วนตัวมากมายนัก กรุณายุ่งและวุ่นวายความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้มากจะเป็นประโยชน์ยิ่ง อะไรที่เป็นเชิงนโยบาย อะไรที่เป็นการแก้ไขปัญหาทุจริตก็ทำ ไม่ใช่พอฝ่ายค้านไปแตะอะไรก็ออกมาแอคชั่นหน่อย อันนี้ถือว่าพี่น้องประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร
ทั้งนี้ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ดำเนินการแก้ไขอะไรนอกจากแก้ต่าง พูดเอาดีใส่ตัวและโยนให้ข้าราชการประจำ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาลนั้นได้เรียกเอกสารไปถึง2ครั้ง และเมื่อวานได้ลงนามหนังสือส่งไปเป็นครั้งที่ 3 ดังนั้นหากไม่ส่งเอกสารหรือมีเจตนาบิดพริ้วที่จะไม่ให้ความร่วมมือฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นฝ่ายตรวจสอบฝ่ายบริหาร โดยตนจะรอจนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ซึ่งหากครั้งที่ 3 นี้ยังไม่มาอีกก็จะใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติ
“จิรายุ”แนะนายกฯไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่บ่อย บอกลงบ่อยก็โดนด่าบ่อย เตือนประชาชนอยากฟังนโยบายแก้ปัญหา ไม่ใช่ “รักนะจ๊ะ”
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ยังกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่บ่อย เพราะลงบ่อยก็โดนด่าบ่อย คนเชียร์ก็เชียร์ คนด่าก็ตะโกนด่าภาพไม่สวย ซึ่งท่านเคยเป็นผู้บัญชาการทหารบกควรไปเปิดห้องcommand แล้วเรียกทุกภาคทั้งเหนือ อีสาน ใต้ เข้ามาประเมินสถานการณ์และสั่งการไปว่าทหารเตรียมความพร้อมหรือยัง ทั้งรถและอาหารที่จะดูแลประชาชนพร้อมหรือยัง รวมถึงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าจะตัดไฟหรือต่อไฟพิเศษอย่างไร “ไปยืนเฮ้อๆรักนะจ๊ะ เพื่อ…ตนไม่เข้าใจจริงๆ รักนะจ๊ะอยู่นั่นแหละ แล้วก็ไปสร้างความขัดแย้ง แน่นอนวันนี้คนชอบนายกฯก็มี คนไม่ชอบก็เยอะแยะก็เป็นเรื่องปกติ แต่เขาอยากฟังว่านโยบายแก้ปัญหาของนายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไร เขาไม่ได้อยากฟังว่าบ้านจะต้องยกสูง เพราะเกิดมาเขาก็รู้อยู่แล้วโดยเฉพาะคนที่อยู่ริมแม่น้ำรู้อยู่แล้วว่าต้องสร้างบ้านยกสูงและมีเรืออยู่ใต้ท้องไม่ต้องไปบอก
โดย ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยมีการออกนโยบายเชื่อมแม่น้ำปิง-วัง-ยม-น่าน เพื่อผันน้ำก่อนจะมาถึงปากน้ำโพ และเคยเสนอว่าในอ่าวไทยควรมีเขื่อนกั้นน้ำออกไปในทะเล เมื่อถึงเวลาก็ปิด แต่เมื่อน้ำเหนือไหลลงมาก็เปิดให้น้ำไหลออกไป ซึ่งหากทำไปตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมาก็จบไปแล้ว แต่วันนี้มาบอกเขาว่าให้อดทนเพราะน้ำมาทุกปี ประชาชนเขารู้ แต่เขาต้องการผู้นำประเทศที่มี “กึ๋น” ไม่ใช่พอพูดอะไรไม่ถูกใจก็ไปตบกระโหลกคนแบบเมื่อวานนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
