โฆษกรัฐบาล ขอประชาชนให้เชื่อมั่นนายกฯ เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเพิ่ม ยึดปลอดภัยมาก่อน ขอเข้มข้นมาตรการป้องกัน สร้างความเชื่อมั่น ดึงดูต่างชาติ
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ว่า ขอให้ประชาชน เชื่อมั่นในการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากผลกระทบโควิด 19 โดยรัฐบาลคำนึงถึงความปลอดภัยมาอันดับแรกในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเพิ่ม เหมือนที่เคยใช้กับภูเก็ตแซนด์บอกซ์ และพื้นที่ส่วนขยายอื่นๆในภาคใต้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งจะเปิดอีก 5พื้นที่สำคัญในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ได้แก่ กรุงเทพฯ,เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า),ประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน), เพชรบุรี (อ.ชะอำ) และ ชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) แต่ต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดว่า จะต้องไม่พบการติดเชื้อโควิดใหม่ ที่เป็นคลัสเตอร์ ขนาดใหญ่และมีความรุนแรงจนสร้างความกังวลสูงอีกรอบ
ทั้งนี้โฆษกรัฐบาลกล่าวต่ออีกว่า รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวในปี 2565 ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 15 ล้านคน และการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย โดยการเข้ามาของต่างชาติ และเงินตราต่างประเทศจากการท่องเที่ยว จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับคนไทยด้วยว่าพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว และมีความเข้มข้นมาตรการโควิดมากน้อยเพียงใด ซึ่งหากป้องกันได้มาก ไม่มีการติดเชื้อเพิ่ม ก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น การกระจายรายได้สู่ชุมชน การฟื้นฟูเศรษฐกิจก็จะมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
“นายก”ชื่นชมระบบสาธารณสุขของไทยไม่แพ้นานาชาติ กำชับประชาชนอย่าการ์ดตกหลังคลายล็อกมีผู้ติดเชื้อหลายจังหวัด
นายธนกร วังบุญคงชนะ ยังเปิดเผยอีกว่า องค์การอนามัยโลก (World Health Organisation) ได้ประกาศให้ระบบการกำกับดูแลวัคซีนของไทย (Thailand’s National Regulatory Authority (NRA) for vaccine) อยู่ในระดับที่ 3 (Maturity Level 3) ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 2 (ระดับวัด 1 ถึง 4 สูงสุดคือระดับ 4) ของระบบการจำแนกประเภทในการกำกับดูแลวัคซีนระดับชาติตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มีผลเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาโดย นาง Mariangela Simao ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ด้านเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สุขภาพขององค์การอนามัยโลก ได้ประกาศในการประชุมวิสามัญของ International Conference of Drug Regulatory Authorities (ICDRA) เมื่อวันที่ 20-24 กันยายน 2564 ทั้งนี้ ระบบการจำแนกประเภทในการกำกับดูแลวัคซีนระดับชาติขององค์การอนามัยโลกใช้การประเมินผ่านเครื่องมือ Global Benchmarking Tool (GBT) ที่มีมาตรฐานโดยคำนึงถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ โดยประเมินเป็นระดับวัด 1 ถึง 4 ซึ่งประเทศไทยอยู่ในระดับวัดที่ 3 หมายถึง ระบบการกำกับดูแลวัคซีนมีเสถียรภาพ มีการบูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบ
นายธนกร กล่าวว่า WHO ระบุว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไทยได้ปรับปรุงระบบการกำกับดูแลวัคซีน (NRA) มาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการวัคซีนภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก ความคืบหน้าเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นหน่วยงานที่ได้รับความไว้วางใจ สามารถส่งออกวัคซีนที่ผลิตภายในประเทศได้ รวมไปถึงมีส่วนสนับสนุนการจัดหาวัคซีนในระดับภูมิภาคและระดับโลก อีกทั้งมุ่งมั่นที่จะขยายแนวทางการกำกับดูแลวัคซีน พัฒนายา และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมการทำงานของทุกภาคส่วน กระทรวงสาธารณสุข หมอ และพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่มีส่วนสำคัญต่อความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนของไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความก้าวหน้าของของระบบสาธารณสุขไทยจนเป็นที่ยอมรับและได้รับการรับรองจากนานาชาติ
พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และวางแนวนโยบายที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนั้นกำชับประชาชนอย่าการ์ดตกหลังจากคลายล็อกปรับมาตรการมีประชาชนหลายจังหวัดมีกิจกรรมรวมตัวกันทำให้มีผู้ติดเชื้อในหลายจังหวัด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news