เจ้าหน้าที่วางกำลังหลังกลุ่มทะลุแก๊สประกาศรวมตัวอนุฯปชต.
เจ้าหน้าที่วางกำลังดูความเรียบร้อยบริเวณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลังกลุ่มทะลุแก๊สประกาศนัดรวมตัว ล่าสุด ได้เปลี่ยนนัดรวมพลที่แยกปทุมวัน
สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ส ที่มีการประกาศนัดรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลา 16.00 น. โดยในเวลา15.36 น.ก่อนเวลานัดหมาย ได้มีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นหนึ่งครั้งที่บริเวณฐานที่ตั้งอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่บริเวณฝั่งโรงเรียนสตรีวิทยาเริ่มมีกลุ่มวัยรุ่นพร้อมรถจักรยานยนต์เข้ามารวมตัวในพื้นที่ และมีการชูธงสัญลักษณ์กลุ่มต่างๆซึ่งมีรายงานว่าตั้งแต่เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ วางกำลัง ตรวจดูความเรียบร้อยโดยรอบบริเวณสถานที่จัดชุมนุม รวมทั้งได้ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ไว้รอบพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลมีการติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ไว้
จากนั้น 15.45 มีรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คันขับผ่านบริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างวัตถุคล้ายระเบิดไปที่บริเวณรถดังกล่าว ทำให้เกิดเสียงดังและควันขึ้นบนพื้นผิวจราจรรอบอนุสาวรีย์ฯ และได้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทระหว่าง บุคคลที่คาดว่าเป็นผู้จัดกิจกรรม กับ มวลชนที่ขว้างวัตถุคล้ายระเบิด ด้วยเหตุที่ว่าบุคคลที่คาดว่าเป็นผู้จัดกิจกรรมได้เคยมีการแจ้งกับกลุ่มผู้ชุมนุมไว้ก่อนหน้านี้ว่าห้ามขว้างปาวัตถุคล้ายระเบิดโดยไม่จำเป็น แต่มวลชนคนดังกล่าวได้กระทำการโดยไม่คิดว่า จะทำให้คนในกลุ่มมวลชนไม่พอใจ ก่อนที่จะมีการห้ามปรามและทำความเข้าใจกันในที่สุด
หลังจากนั้น เวลา 15.50 น.เจ้าหน้าที่พร้อมรถตู้ได้เข้ามาในพื้นที่ รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันอยู่ก่อนหน้านี้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากพื้นที่ โดยในระหว่างที่รถกำลังเข้าจอดที่ฝั่งโรงเรียนสตรีวิทยาได้มีการขว้างปาวัตถุเสียงดังคล้ายระเบิดเข้าใส่รถของเจ้าหน้าที่ ทำให้รถได้รับความเสียหายในส่วนของหลังคาและด้านข้าง
ต่อมาเพจเฟซบุ๊ก ทะลุแก๊ส ได้ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า นัดรวมพลกันที่แยกปทุมวัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังคงอยู่ให้พื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนได้เข้าตรวจค้นหาวัตถุอันตรายกับกลุ่มมวลชนที่ยังอยู่ในพื้นที่ ทำให้มวลชนไม่พอใจและมีการต่อว่ากันเกิดขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news