“ตรีนุช”สั่งปรับติดตามประเมินการจัดการศึกษา นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ ลดการใช้เอกสาร เน้นการตรวจราชการรูปแบบปฏิบัติงานนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า คณะกรรมการติดตามตรวจสอบและประเมินการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ
โดยเน้นย้ำ 2 เรื่อง คือ ต้องทำให้กลไกการตรวจสอบ ติดตามเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยปรับเปลี่ยนระยะเวลาการประชุมคณะกรรมการติดตามฯ จากเดิมประชุมทุก
6 เดือน เป็นประชุมทุก 3 เดือน เพื่อติดตามงานให้มีความรวดเร็วขึ้น ส่วนเนื้อหาที่ใช้ในการรายงานต้องสั้น กระชับ เน้นการนำเสนอโดยให้ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนา
นอกจากนี้เน้นย้ำที่ประชุมนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล ดังนั้น ต่อไปการรายงานเรื่องต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสาร และให้ตรวจตาม 12 นโยบายจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เช่น การสอนแบบ Active Learning การสอนประวัติศาสตร์ การเรียนระบบทวิภาคี การศึกษาปฐมวัยวิทยฐานะ การเรียนการสอนในยุคโควิด-19 การเรียนรู้ตลอดชีวิต การอัพสกิล รีสกิล เป็นต้น ทั้งนี้ ตนได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกลไกการตรวจราชการและการติดตามประเมินผล มาใช้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการศึกษาด้วย
โดยนางสาวตรีนุช กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้หารือเรื่องการปรับโครงสร้างตรวจราชการ ติดตามและประเมินผลใหม่ ซึ่งจะแยกออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับแรกมีคณะกรรมการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลฯ ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย โดยมีสำนักตรวจราชการและติดตามประเมินผล สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นเลขานุการ ระดับ 2 เป็นการตรวจราชการ องค์กรหลักและหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการจะเป็นผู้รับผิดชอบ เน้นการตรวจราชการรูปแบบปฏิบัติงานว่านำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ และระดับที่ 3 คือ ระดับพื้นที่ มีหน่วยงานรับผิดชอบ เช่น ศึกษาธิการจังหวัด, ศึกษาธิการภาค, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เป็นต้นทำหน้าที่ตามติดตาม ตรวจสอบในระดับพื้นที่
ทั้งนี้นางสาวตรีนุช กล่าวว่า ที่ประชุมหารือร่วมกันแล้วเห็นว่าในส่วนกลางควรจะมีกลไกเพื่อเชื่อมการทำงานในระดับต่างๆ และให้คณะทำงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และสร้างความสามัคคีปรองดอง กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้เชื่อมการทำงานทุกระดับ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news