“วิสาร”จี้นายกฯเลิกนำชีวิตประชาชนมาเป็นเกมการเมืองเรื่องวัคซีน อัดเปิดประเทศ 10 วันพลาดเป้านักท่องเที่ยว ผวารัฐแก้ระบาดไวรัสโควิดไม่ได้
นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ภายหลังการเปิดประเทศพบว่า มีจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศทางอากาศผ่านสนามบินต่างๆ ยอดรวมตั้งแต่วันที่ 1-9 พ.ย. มีทั้งสิ้น 28,021 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ติดเชื้อ 29 ราย หรือคิดเป็น 0.10% มากกว่าครึ่งเป็นคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะเกือบ 2 ปี ที่ไม่ได้กลับบ้าน เมื่อมีโอกาสจึงเดินทางกลับประเทศ
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวยังคงกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสในประเทศไทย เพราะหลายพื้นที่ พบว่า ประชาชนยังได้รับการฉีดวัคซีนไม่เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และภายหลังการเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวแล้ว ไม่ประทับใจ โดยมีผู้ยื่นขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศเกือบ 8,000 ราย แต่กลับพบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากได้ยกเลิกเที่ยวบินและการจองโรงแรม เนื่องจากการขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศและกระบวนการอื่นๆ มีความล่าช้า
ทั้งที่ นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการเปิดประเทศ เพื่อลดแรงเสียดทานทางการเมือง ทำตามคำแนะนำของเจ้าสัว แต่กลับไม่ให้ความสำคัญในการเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชน เมื่อแยกเป็นจังหวัดหลายจังหวัด ได้รับการจัดสรรวัคซีนน้อยมาก ที่จังหวัดเชียงรายได้ฉีดวัคซีนเข็มแรก เพียงร้อยละ 40 ของประชากรในจังหวัดเท่านั้น ทั้งๆ ที่ประชาชนร้องขอวัคซีนเพิ่มแต่รัฐอ้างวัคซีนไม่เพียงพอจึงไม่ได้รับการจัดสรร
อีกทั้ง รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญในการปกป้องชีวิตประชาชน โดยพบว่ามีจำนวนผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องรักษาตัวเองที่บ้านพัก รัฐกลับเมินเฉย ไม่มีการนำวัคซีนไปฉีดให้ กลุ่มนี้น่าเป็นห่วง เพราะเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุขที่รัฐจัดให้ นอกจากนี้ รัฐบาลนำวัคซีนมาเล่นการเมือง โดยจังหวัดไหนที่เป็นของฝ่ายค้านรัฐบาล จะจัดวัคซีนให้น้อย ซึ่งเป็นการทำร้ายประชาชน และขยายความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยให้เพิ่มมากขึ้น จึงมองว่า นายกรัฐมนตรี กำลังนำวัคซีนมาเป็นข้อต่อรองทางการเมือง ไม่เป็นธรรมกับประชาชนแต่อย่างใด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news