“หมอระวี” จี้ รัฐบาลพยุงราคาน้ำมันไบโอดีเซลไม่เกิน 25 บาทต่อลิตร แนะต้องลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาท เป็นเวลา 3 เดือน
น.พ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงประเด็นราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงว่า เกือบ 10 ปี ที่ตนเป็นหนึ่งในแกนนำภาคประชาชนที่ได้ต่อสู้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปพลังงานไทย ให้ลดราคาพลังงานมาโดยตลอด การต่อสู้ที่ผ่านมาพวกเราต้องแลกด้วยชีวิต การบาดเจ็บ การถูกตัดสินจำคุกและค่าเสียหายทางคดีแพ่ง ที่ผ่านมาประชาชนไม่เน้นในการเรียกร้องให้ลดภาษีต่าง ๆ ในโครงสร้างราคาพลังงาน แต่เราเรียกร้องให้ลดราคา โดยให้รัฐบาลลดกำไรที่ไม่ชอบธรรมของทุนพลังงาน
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์การระบาดโควิด19 ส่งผลให้คนไทยเกิดการ ตกงาน ปิดกิจการ กิจการเจ๊ง ไม่มีรายได้ อย่างไม่เคยมีมาก่อน และน้ำมันเป็นสายเลือดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ ในสภาวะนี้ รัฐบาลควรดำเนินการคือ ตรึงราคาน้ำมันดีเซล ไม่เกิน 25 บาทต่อลิตร โดยการลดการเก็บภาษีสรรพสามิตลง 5 บาทต่อลิตร ระยะเวลา 3 เดือน และถ้าราคาน้ำมันดิบดูไบ เกิน 87.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ก็ใช้เงินกองทุนน้ำมันมาพยุงราคา ไม่ให้เกิน 25 บาทต่อลิตร ถ้าเงินกองทุนน้ำมันหมด ก็ให้กู้เงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อพยุงราคาไม่ให้เกิน 25 บาทต่อลิตร นอกจากนี้หากเงินกู้ 20,000 ล้านบาทหมด ให้รัฐบาลลดการเก็บภาษีกองทุนอื่น ๆ
ทั้งนี้ นพ.ระวี เปิดเผยว่า กลุ่มขนส่งกว่าพันคันกำลังได้รับความเดือดร้อนในการขึ้นราคาน้ำมัน และได้ประกาศดีเดย์ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ หากรัฐบาลยังไม่เร่งแก้ปัญหาจะมีการนำรถออกมาปิดถนนหลายเส้นทาง ดังนั้น รัฐบาลต้องรีบตัดสินใจแก้ปัญหา ก่อนที่เรื่องนี้จะไปกระทบกับระบบเศรษฐกิจ
นอกจากนั้นหมอระวียังได้แถลงข่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการชุมนุมเสนอ 10 ข้อเรียกร้อง ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นการล้มล้างการปกครอง ว่า หากกรณีที่ประชาชนไม่เห็นด้วยตนต้องการให้กลับไปเปรียบเทียบพฤติกรรมที่คล้ายกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและนายปิยะบุตร แสงกนกกุล แต่กลับไม่โดนข้อกล่าวหาเช่นเดียวกับทั้ง 3 แกนนำเนื่องจากของนายธนาธรและ นายปิยะบุตร เลือกใช้ถ้อยคำที่ฉลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี
ขณะที่นายอานนท์ นำภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก และนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำม็อบทั้ง 3 คน เป็นการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงจริงและเท่าที่ได้ติดตาม 10 ข้อแถลงข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นซึ่งตนมองว่าเป็นการกล่าวหา และการหมิ่นประมาทที่ชัดเจนดังนั้นส่วนตัวจึงเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วจะเกิดบรรทัดฐานขึ้นมาหรือไม่นั้น มองว่าจะนำไปเป็นบรรทัดฐานใช้กับบุคคลอื่นยังไม่ได้เนื่องจากก็ต้องดูข้อกล่าวหาของแต่ละบุคคลเป็นกรณีไป แต่ขณะเดียวกันหากเกิดกรณีกล่าวหาและดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกับ 3 แกนนำก็อาจนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้มาเป็นบรรทัดฐานได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news