กต.แจงคืบหน้าปรับปรุงระบบ Thailand Pass สามารถป้องกันโจมตีจากภายนอกได้แล้ว
นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าของการปรับปรุงระบบ Thailand Pass ดังนี้
1.ตั้งแต่ระบบเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 1 พ.ย. กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ได้รวบรวมปัญหาและข้อคิดเห็นต่าง ๆ ที่ได้รับจากผู้ใช้งาน มาปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถป้องกันการเข้ามารบกวนระบบจากภายนอกได้แล้ว
2.ระบบได้เพิ่มรูปแบบการใช้งาน (features) ต่างๆ ให้ตอบสนองต่อผู้ใช้งานมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบสถานะการอนุมัติ รวมทั้งรับ QR code ในระบบได้เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว ไม่ต้องรออีเมลตอบกลับ
3.กระทรวงการต่างประเทศและ สพร. กำลังเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ อาทิ การประสานงานกับบริษัทผู้ดูแลอีเมลบางแห่ง กรณีไม่สามารถรับอีเมลจากระบบได้ รวมทั้งเร่งประสานงานเพิ่มรายชื่อประเทศที่สามารถอ่าน digital vaccine certificate แบบอัตโนมัติให้ได้มากขึ้นจากที่มีอยู่ปัจจุบัน 30 ประเทศ เพื่อลดเวลาการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งกรมควบคุมโรคได้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจเอกสารแล้ว
4.สถิติล่าสุดของระบบ Thailand Pass มีผู้ลงทะเบียนขอเดินทางเข้าประเทศไทย แล้ว 161,876 คน ได้รับอนุมัติแล้ว 122,550 คน (ร้อยละ 76) โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นการอนุมัติแบบอัตโนมัติ 61,806 คน (สถานะ ณ วันที่ 12 พ.ย. 2564 เวลา 09.00 น.) ซึ่งแนวโน้มผู้ได้รับอนุมัติมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีระบบ auto-approve ที่สามารถแบ่งเบาการตรวจเอกสารใบรับรองวัคซีนแบบ manual ได้ประมาณกว่า 1 ใน 3
5.สถิติชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านท่าอากาศยาน ระหว่างวันที่ 1-11 พ.ย. 2564 จำนวน 34,974 คน ตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 38 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.11 โดยประเทศต้นทางที่มีผู้เดินทางมาสูงสุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ สหรัฐฯ เยอรมนี สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ตามลำดับ โดยเป็นการเดินทางเข้าไทยประเภทยกเว้นการกักตัวมากที่สุด
6.หากมีข้อสงสัยโปรดสอบถาม Call Center กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หมายเลข 02 572 8442 (30 คู่สาย) หมายเลขมือถือ 065-205-4247, 065-205-4248 และ 065-205-4249 (24 ชั่วโมง) และอีเมล [email protected]
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news