กมธ.ดีอีเอส ถกโครงการ Net2Home “กัลยา” ชี้ เกิดประโยชน์ สร้างอาชีพ-สร้างรายได้ให้ประชาชน ด้าน “เศรษฐพงค์”ก.ดิจิทัลฯต่อยอดการลงทุนเน็ตประชารัฐ
น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวว่า ที่ประชุมกรรมาธิการฯ ได้มีการพิจารณาเรื่องวิสาหกิจเพื่อสังคมเน็ตถึงบ้าน (Net2Home) ที่อยู่ภายใต้มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย โดยตัวแทนจากมูลนิธิฯ ชี้แจงว่า การสร้างระบบบรอดแบนด์ชุมชน เป็นการเน้นให้ประชาชนทำเอง ติดตั้งเอง บริหารงานโครงข่ายด้วยตัวชุมชนเอง โดยทางมูลนิธิสนับสนุนเพียงค่าอุปกรณ์ตั้งต้น และการถ่ายทอดความรู้ ทำให้แนวทางเกิดความยั่งยืน โดยปัจจุบันขยายได้ครอบคลุมเกือบ 400 หลังคาเรือน และมีการขยายโครงการออกไปในที่อื่น
สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เห็นผลได้จริงในทางปฏิบัติ ด้วยเหตุผลสำคัญคือ
1.สามารถสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มในชุมชน
2.ประชาชนมีความรู้สึกเป็นเจ้าของโครงข่าย เพราะคนในชุมชนมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการสร้างโครงข่ายและบริหารงานโครงข่ายเอง รวมทั้งมีความยืดหยุ่นและคล่องตัว ไม่ต้องรอการบริการจากผู้ให้บริการเท่านั้น ตามโครงการเน็ตชายขอบ (เน็ตประชารัฐ)
3.ด้วยต้นทุนที่ถูกลงทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ในคุณภาพที่ยอมรับได้ ทำให้เกิดการลดช่องว่างทางดิจิทัล ของผู้มีรายได้ที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธาน กมธ.ดีอีเอส กล่าวว่า โครงการนี้หากรัฐบาลหรือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มีการสนับสนุนหรือมีนโยบายอย่างชัดเจนในการนำโครงการของเน็ตถึงบ้านนี้มาต่อยอดจากโครงการเน็ตประชารัฐหรืออินตอร์เน็ตชายขอบ ทำให้สอดคล้องกับบริบทการใช้อินเทอร์เน็ตจริง ที่อำนวยความสะดวกการให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ปัจจุบันนี้การใช้งานผ่านโครงการของรัฐจะมีข้อจำกัดและความยุ่งยากที่จะต้องเดินทางไปใช้งานที่ศูนย์อินเทอร์เน็ตชุมชน หรือบริเวณจุดที่มีการวางสายสัญญาณเท่านั้น โดยเรื่องนี้มุมมองของกรรมาธิการฯ เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะมีความร่วมมือกันทั้งผู้ประกอบการ และมูลนิธิฯในการผลักดันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news