นายกฯ ชี้ใช้กลไกแก้ปัญหายากจน สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ
นายกฯ ชี้ใช้กลไกแก้ปัญหายากจน สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ ประเมินเศรษฐกิจ 4 ไตรมาส ทยอยโตไม่มีลบ รับยังติดโควิด เร่งรณรงค์ฉีดวัคซีน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “จับมือ รวมใจ พาไทยรอด” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 ว่า วันนี้มาร่วมงานสัมมนาของหอการค้าทั่วประเทศ ได้พูดถึงการพัฒนาประเทศปัญหา อุปสรรค ความร่วมมือในหลายๆ มิติ ที่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทย ยกระดับจากรายได้ปานกลางขึ้นมาให้ได้
พร้อมทั้งแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ด้วยการสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนได้หาประโยชน์ มีรายได้เพิ่มเติมขึ้น จะต้องมีการวิจัยพัฒนา เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุน ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกัน ซึ่งมีกลไกของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) อยู่แล้ว มีคณะทำงานอยู่หลายระดับ และรัฐบาลมีนโยบายสอดคล้องอยู่แล้ว ในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ เราต้องมาช่วยกันดูว่าจะทำที่ไหนอย่างไร และจะเดินคู่ขนานกันไปอย่างไร สิ่งสำคัญคือจะต้องสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน กฎหมายที่ไม่ทันสมัย การทำธุรกรรมใหม่ๆ การใช้เทคโนโลยีออนไลน์ แต่สิ่งที่กังวลตอนนี้ก็คือเรื่องสถานการณ์โควิด-19 จึงขอรณรงค์ให้ทุกคนช่วยกัน ไม่ว่าจะใครก็ตาม พาคนมาฉีดวัคซีนให้มากขึ้น เพื่อลดการสูญเสีย เพิ่มความปลอดภัย เรามีวัคซีนเยอะแล้วไม่ฉีดก็จะเสียโอกาสไปเปล่าๆ รอบบ้านเขาอยากจะได้ เขายังไม่มีเลย ฉะนั้นเราต้องสร้างความปลอดภัยไว้ก่อน
สำหรับเรื่องเศรษฐกิจ จากการประเมินในปีนี้ เมื่อรวมทั้ง 4 ไตรมาส ตนคิดว่าไม่น่าเป็นลบ เพียงแต่อาจจะขึ้นไม่มากนักก่อน ทยอยขึ้น อาจจะเติบโตประมาณ 1 กว่าๆ แต่เดิมเราประเมินว่าเป็นลบ ซึ่งปีหน้าจะมีแรงส่งอีกจากปลายปีนี้ ต้นปีหน้า 65 ก็ไปดูไตรมาส1-4 อีกที ถ้าหากไม่มีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้น เราก็ต้องมีความคาดหวังกันอีกที และมีมาตรการในการรองรับ สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ เพราะนี่คือประเทศไทยของเรา เราต้องช่วยกัน ทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น ไม่ล่าช้า เสียเวลา ไม่ขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควรขัดแย้ง
ส่วนข้อเสนอของหอการค้าไทย เรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนนั้น ยังมีข้อติดขัดอยู่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันมีข้อติดขัดจริง เราก็ต้องปรับแก้ในส่วนงบประมาณ ซึ่งมีสองอย่าง คืองบประมาณของภาครัฐมาจากไหนมาจากธนาคารของรัฐ และอีกส่วนมาจากธนาคารพาณิชย์ ปัญหาคือธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดต้องมีหลักเกณฑ์ เพราะไม่ใช่เงินของใครคนใดคนหนึ่ง ในส่วนของธนาคารพาณิชย์ ส่วนหนึ่งก็เป็นเงินของประชาชน แล้วเขาจะยอมหรือไม่ ถ้านำเงินไปดำเนินการแล้วกลายเป็นหนี้เสีย ฉะนั้นการจะปรับแก้ปรับลดอะไรก็ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่เขารับได้ ใครจะเข้าไปกู้ก็ต้องมีหลักฐานเพียงพอ อาจจะค้ำประกันน้อยลงไปกว่าเดิม หรือต้องขึ้นทะเบียน ถ้าไม่ขึ้นทะเบียน ไม่มีสินทรัพย์ประกันด้วย ใครเขาจะให้เงิน ทั้งนี้ อันไหนรวมได้ก็รวมกัน อันไหนที่เข้มแข็งก็สนับสนุนให้เดินต่อไปและใหญ่ขึ้น วันนี้เราต้องช่วยกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news