“อนุทิน” จัดทีม MCATT ลุยแก้ปัญหาความเครียดช่วงโควิดฯ ระบาด ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 120 ล้านโดสให้ทันภายในปีนี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการเป็นประธานเปิดงานสัมนาถอดรหัสนวัตกรรมวัคซีนใจในชุมชน ระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด 19 มีความสัมพัน์กับภาวะความเครียดของประชาชนอย่างแน่นอน ซึ่งทางกรมสุขภาพจิตได้รับนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ให้เร่งดำเนินการเชิงรุก ผ่านเครือข่ายด้านการสาธารณสุข อาทิ MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) เพื่อลงพื้นที่เยียวยาจิตใจประชาชน เร่วสำรวจในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ พื้นที่ที่มีความตึงเครียด ความยากลำบากในเรื่องการหารายได้ ทั้งนี้ ต้องขอความช่วบเหลือจาก อสม.คอยช่วยเหลือด้วย ปัญหาการฆ่าตัวตายเพราะปัญหาโควิด เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิถีชีวิต วิถีทางเศรษฐกิจ ที่เปลี่ยนไปทั้งหมด
“และสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป คือ การคลายล็อกทางเศรษฐกิจ บนพื้นฐานเรื่องความปลอดภัย ให้ประชาชน ได้กลับมาทำมาหากิน ให้ใกล้เคียงกับที่เคยเป็น รัฐบาล ได้พยายามเร่งฉีดวัคซีน ให้กับประชาชน อย่างน้อย ให้เกิดความมั่นใจในการกลับมาใช้ชีวิต”
ส่วนเรื่องของความกังวลของภาคประชาชนเรื่องโรคโควิด 19 อาจกลับมาระบาดซ้ำ หลังเปิดประเทศ โดยระบุว่า ที่ประชาชนกังวล อาทิ คลัสเตอร์ที่มาจากสถานบันเทิง ตรงนั้น ภาครัฐไม่นิ่งนอนใจ คณะกรรมการโรคติดต่อประจำพื้นที่ต่างๆ ลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นประจำ ต้องยอมรับว่า ยังเจอร้านที่ปล่อยปละละเลย สุ่มตรวจ แล้ว ก็ยังเจอสิ่งที่น่าเป็นกังวลอยู่
ดังนั้น ที่ก่อนหน้านี้ มีข้อเรีกร้องว่าขอเปิดเร็วขึ้น ขอให้คลายล็อกเร็วขึ้น ตรงนั้น ต้องดูว่า ผู้ประกอบการมีความพร้อมแค่ไหน ในการช่วยกันป้องกัน และควบคุมการระบาด ต้องแสดงออกมาให้ภาครัฐเห็น พนักงานในร้านท่านฉีดวัคซีนครบหรือไม่ ผู้เข้ามาใช้บริการ ได้รับการคัดกรองเข้มงวดพอหรือไม่
สำหรับข้อกังวลเรื่องการตรวจคัดกรองนักเดินทางจากต่างประเทศ ต้องย้ำว่า เรายังใช้มาตรการเดิมคือ ก่อนจะเข้ามา ต้องมีเอกสารต่างๆ ครบ และเมื่อเข้ามาแล้ว ต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR เพราะแม่นยำ ก่อนหน้า มีการเสนอว่าให้ตรวจแบบ ATK เพื่ออำนายความสะดวกนักเดินทาง อันนั้น เป็นแค่ข้อเสนอจากบางฝ่าย แต่ยังไม่ปฏิบัติ ยิ่งกับสถานการณ์ตอนนี้ ที่หลายพื้นที่ทั่วโลก มีการระบาดรอบใหม่ ยิ่งวางใจไม่ได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูลยังกล่าวอีกว่าอัตราการฉีดวัคซีนโควิด 19 ว่า ปีนี้ ก็หวังว่าจะฉีดได้ถึง 120 ล้านโดส ทำให้ดีที่สุด ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับเข็มแรก ปัจจุบัน มีน้อยกว่า 10 ล้านคนแน่นอน ต้องหาทางนำเข้าระบบให้เร็ว ขอผู้ที่ยังไม่ได้รับเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่เข้าไม่ถึงการฉีดด้วยอุปสรรคต่างๆ ก็ต้องจัดทีมไปพาเข้ามาฉีด หรือไปบริการให้ถึงพื้นที่
ส่วนอีกกลุ่มคือ กลุ่มที่รอวัคซีนที่ถูกใจ หลายคน จองวัคซีนกับเอกชน แต่ยังไม่ได้รับ หากไม่ทราบวันรับวัคซีนที่แน่นอ ให้มาฉีดของรัฐก่อนได้ เพราะรัฐก็มีวัคซีนแบบ mRNA เหมือนกัน ขอย้ำว่า วัคซีนที่ดีที่สุด คือ วัคซีนที่ให้บริการได้เร็วที่สุด และวัคซีนที่รัฐจัดหามา ได้ผ่านการรับรองโดย WHO หมดแล้ว ขอให้วางใจในเรื่องของประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
“เรามีวัคซีน mRNA จากไฟเซอร์ ที่มาจากการจัดหาตามสัญญาซื้อขาย และโมเดอร์นา ที่มาจากการสนับสนุน ไม่เข้าใจทำไมวัคซีนที่รับการสนับสนุน มาถึงก่อนวัคซีนที่สั่งซื้อตามสัญญา ก็ต้องไปดูว่าบริษัทที่เป็นคู่สัญญาจัดส่งวัคซีน ทำไมถึงไม่ปฏิบัติตามสัญญาและใช้ช่องว่างทางสัญญามาเลื่อนกำหนดไปเรื่อยๆ แบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกนัก แม้จะเป็นกรณีฉุกเฉิน สั่งซื้อต้องยอมรับสภาพนี้ แต่อย่าลืมว่า การที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา กระทรวงฯ บันทึกไว้ ว่า ต้องระวังการเซ็นสัญญากับบริษัทนี้ ในอนาคตจะซื้อกับเขา ต้องพิจารณามากเป็นพิเศษ เพราะเราต้องดูเจตนารมณ์ เมื่อคุณต้องการให้เราซื้อ เมื่อซื้อแล้วจ่ายเงินแล้ว แต่คุณไม่ส่ง ก็ต้องรับผิดชอบ กระทรวงสาธารณสุขบันทึกไว้ ต้องมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่เป็นไปตามสัญญา มันย่อมมีความคลางแคลงใจ หากต้องมีการซื้อขายกับบริษัทดังกล่าวในอนาคต รัฐ ก็ต้องดูให้ละเอียด”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news