ภาคี saveนาบอน เผยจะปักหลักหน้า UN จนกว่าข้อเรียกร้องบรรลุ ระบุเตรียมยื่นหนังสือผู้ถือหุ้นทุกราย จวกผลกำไรได้มาบนคราบน้ำตาและความตายชาวบ้าน
นายเรียง สีแก้ว ที่ปรึกษากลุ่มภาคี saveนาบอน กล่าวภายหลังมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล บริเวณหน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. ว่า ตามที่ได้ทราบว่าเช้าของวันนี้ได้มีการเดินทางสำนักไปยังสำนักทรัพย์สินฯ เพื่อยื่นหนังสือให้ช่วยเหลือชาวนาบอนที่เดือดร้อนจากโครงการโรงไฟฟ้านาบอนของกลุ่มบริษัทแห่งหนึ่ง และช่วงสายได้รับเชิญจากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าพูดคุยและรับทราบความต้องการ โดยชาวบ้านได้แจ้งความต้องการไปแล้วว่า ขอให้ยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้านาบอนทันที ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ
1.พื้นที่ตั้งไม่เหมาะสม ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน ต้นน้ำ พื้นที่สิ่งแวดล้อมอ่อนไหว อากาศดี ของนครศรีฯ
2 เริ่มสร้างผลกระทบให้กับประชาชนตั้งแต่เริ่มการก่อสร้าง
3 ชาวบ้านบอกว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มโครงการก็ไม่ได้มีความจริงใจ มีการบอกว่าจะทำพื้นที่ตลาดทางการเกษตร จากนั้นสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพลังงาน, คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และบริษัท ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว รวมถึงบริษัทที่ดำเนินการเรื่อง EIA มาร่วมประชุม
โดยนายเรียง ระบุว่า ภายในวันจันทร์(20ธ.ค.64) ทางสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ถึงความเดือดร้อนและข้อเรียกร้องของกลุ่มภาค saveนาบอน คือการให้ยกเลิกโครงการเพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการต่อไป ซึ่งประธานในที่ประชุมได้รับปากว่าเช้าวันจันทร์จะเห็นหนังสือฉบับนี้ โดยข้อสรุปดังกล่าวค่อนข้างดี แต่ยังไม่ใช่ข้อเรียกร้องของกลุ่ม
ส่วนการปักหลักเดิมตั้งเป้าจะมาปักหลักที่บริเวณศาลกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ แต่ขณะนี้มีการดันตู้คอนเทนเนอร์จนชิดถนนจึงไม่สามารถที่จะปักหลักได้ ชาวนาบอนก็ไม่อยากฝ่าฝืนทางกฎหมาย ดังนั้นพรุ่งนี้เช้า(18 ธ.ค.64) จะไปปักหลักที่หน้าองค์การสหประชาชาติ หรือ UN เพื่อรอดูวันจันทร์และรอผลจนกว่าจะได้ผลที่น่าพอใจ โดยจะมีการเปิดหมูบ้านชื่อว่า “ผู้ประสบภัยจากทุน ขุนศึกและศักดินา” ส่วนกิจกรรมที่จะทำจะเป็นการเดินทางหาผู้ถือหุ้นทุกราย เพื่อบอกให้รู้ว่าหุ้นและกำไรที่ได้มานั้น ได้มาบนคราบน้ำตาและความตายของคนนาบอน และจะปักหลักจนกว่าข้อเรียกร้องจะบรรลุเป้าหมาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news