นายกฯส่งเสริมจ้างงาน SMEs ชวนสถานประกอบการขนาดเล็ก-กลาง ลงทะเบียนร่วมโครงการช่วย SMEs รอบ 2 ภายใน 20 ธ.ค. นี้ ขณะยอดนายจ้างลงทะเบียนแล้วเกือบ 15,000 แห่ง
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามข้อสั่งการที่ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ในทุกด้านอย่างบูรณาการเพื่อเสริมศักยภาพให้สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 และกลับมาเติบโตได้ในระยะยาว โดยในส่วนของ กรมการจัดหางานกระทรวงแรงงาน ได้เปิดให้นายจ้าง สถานประกอบการภาคเอกชน ขนาดเล็ก – กลาง ลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่ 2 ผ่านเว็บไซต์ “ส่งเสริมการจ้างงานเอสเอ็มอี.doe.go.th” ภายในวันที่ 20 ธันวาคม 2564 เพื่อรับเงินอุดหนุนตามโครงการฯ จากรัฐ
ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน -16 ธันวาคม 2564 มีสถานประกอบการลงทะเบียนร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ SMEs รอบที่ 2 จำนวน 14,829 แห่ง มีลูกจ้างสัญชาติไทย จำนวน 118,087 คน ทั้งนี้ สำหรับนายจ้าง สถานประกอบการที่ไม่สามารถลงทะเบียนร่วมโครงการฯผ่านระบบด้วยตนเอง สามารถนำเอกสารซึ่งประกอบด้วยหนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 30 บาท สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร (กรณีใช้บัญชีกระแสรายวัน ให้ใช้สมุดหน้าเช็คที่มีชื่อนายจ้างและเลขบัญชี) และสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (นายจ้างบุคคลธรรมดา) โดยลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับติดต่อที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ หลังจากสมัครร่วมโครงการแล้วจะต้องสมัครใช้งานระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม และนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือน เพื่อมีสิทธิรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในเดือนธันวาคม2564 และเดือนมกราคม 2565 ในอัตรา 3,000 บาท ต่อลูกจ้างสัญชาติไทย 1 คน โดยมีเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนเช่นเดียวกับนายจ้างที่ลงทะเบียนรอบแรก
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแล SME เป็นอย่างมาก เพราะเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ มีบทบาทสำคัญในการสร้างงานและกระจายรายได้ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ในทุกด้านให้สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19 และกลับมาเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งท่านนายกฯ ได้ติดตามผลลัพธ์ของมาตรการต่างๆ รับฟังเสียงจากภาคเอกชน และพร้อมจะให้การสนับสนุนเพิ่มเติมหรือปรับปรุงมาตรการเพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการฟื้นตัวและเติบโตต่อไปของ SME จึงขอเชิญชวนนายจ้าง/สถานประกอบการที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนร่วมโครงการฯ มาลงทะเบียน ภายในวันที่ 20 ธันวาคม นี้
เพื่อรับสิทธิเงินอุดหนุนตามโครงการฯ จากรัฐบาล
นายกฯ รับทราบแล้วความเดือดร้อนชาวบ้าน ต.ไทยสามัคคี และต.วังน้ำเขียว สั่ง ทส. เร่งแก้ไขปัญหากรณีที่ดินทับซ้อนบริเวณอุทยานแห่งชาติทับลาน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งแก้ปัญหาชาวบ้านตำบลไทยสามัคคีและตำบลวังน้ำเขียว รวมกว่า 400 ราย ถูกฟ้องเป็นจำเลย กรณีบุกรุกเขตป่าอุทยานแห่งชาติทับลาน จากปัญหาข้อพิพาทที่ดินทับซ้อนพื้นที่ทำกินของชาวบ้านที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมารับทราบคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินและมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับคำวินิจฉัยและข้อเสนอแนะกรณีปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎรบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้มีความคืบหน้าและเกิดผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น
พร้อมให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เร่งรัดการดำเนินการสำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนที่อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติให้แล้วเสร็จครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำกฎหมายลำดับรอง เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่อยู่อาศัยหรือทำกินในอุทยานแห่งชาติ ตามในมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ให้แล้วเสร็จ และให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งกำกับติดตามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลที่ดินของรัฐแต่ละประเภทตรวจสอบเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐให้ถูกต้อง ตรงกัน และเป็นที่ยุติ แล้วดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่นิ่งเฉยกับปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน และหวังว่าปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นธรรมผ่านกระบวนการยุติธรรมในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบในการประกอบอาชีพหรือการอยู่อาศัยโดยเร็ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews