“อันวาร์” โชว์จดหมายเปิดผนึกก่อนร่วมประชุมใหญ่ประชาธิปัตย์ เสียดายไม่เสียใจแต่หดหู่ที่พรรคเป็นเหตุสภาโจ๊ก แฉ “นิพนธ์”มีอิทธิพลเหนือพรรค
นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี อดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทั้งนำ จดหมายเปิดผนึกถึงประชาธิปัตย์เปิดใจเสียดายไม่เสียใจแต่หดหู่ที่พรรคเป็นเหตุสภาโจ๊ก โดยกล่าวว่า วันนี้ต้องการมาขอคำตอบและพูดความจริงที่เกิดขึ้นภายในพรรค ส่วนที่ต้องทำจดหมายเปิดผนึกเพราะมองว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดในที่ประชุม เหมือนครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครเป็นเจ้าของนั้น ไม่ใช่ความจริง เพราะวันนี้พรรคมีเจ้าของตัวจริงและเป็นผู้ทรงอิทธิพลภายในพรรค คือ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้ ที่แม้กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.สงขลา จากการถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถอเนกประสงค์ 2 คัน จำนวน 50 ล้านบาท ให้เอกชน และถูกยื่นคำร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ก็ยังสามารถดำรงตำแหน่งอยู่ได้ซึ่งทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ จึงถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลตัวจริง
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพรรคแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหากใครที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้บริหารพรรคก็จะถูกดำเนินการให้ออกจากพรรคโดยใช้วิธีการทำโพลเพื่อขอมติพรรคซึ่งตัวเองก็เคยโดนมาแล้วแต่ก็ชนะ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนและอุดมการณ์จนยังสามารถอยู่ต่อได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ภาพพจน์ของพรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำ ไม่เหมือนกับในอดีตแต่กลายเป็นว่าคนที่แสดงอุดมการณ์และจุดยืนเพื่อรักษาภาพพจน์ของพรรคกลับอยู่ไม่ได้ สิ่งที่ตัวเองเรียกร้องกลายเป็นว่าไม่ถูกต้อง ทั้งที่ทำเพื่อพรรคเพื่อให้สามารถเป็นที่พึ่งของชาติบ้านเมืองได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ตนเองไม่ได้ทำเรื่องร้องเรียนเสนอไปทางกรรมการบริหารพรรคตามโครงสร้างของพรรคการเมืองเพราะในทางปฏิบัติ หัวหน้าพรรคเลขาธิการพรรคมีอำนาจที่ไม่เป็นไปตามโครงสร้างตามกฎหมาย ยืนยันว่าหากมติพรรคยังสวนทางกับความรู้สึกของประชาชนก็จะแสดงจุดยืนเช่นนี้ต่อไป ส่วนจะลาออกหรือไม่นั้นตราบใดที่พรรคยังไม่ส่งสัญญาณความชัดเจนถึงสถานภาพของตัวเองภายในพรรคก็จะต่อสู้ในพรรคประชาธิปัตย์แบบนี้และแสดงจุดยืนในสิ่งที่เห็นว่าถูกต้องจนนาทีสุดท้ายจะยืนหยัดจนกว่าผู้บริหารและเลขาพรรคจะมีมติขับออกจากพรรค
ขณะเดียวกัน หากพรรคมีมติไม่ส่งลงสมัคร ส.ส.ก็ไม่เป็นไรจะยืนหยัดอุดมการณ์ทางการเมืองแบบที่เป็นอยู่ ซึ่งก็มีทางเลือกสองทางคือ
1.หยุดเล่นการเมือง
2.ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าตัวเองควรจะไปอยู่พรรคใด
โดยขณะนี้มีพรรคการเมืองมาพูดคุยและทาบทาม แต่ใจยังอยู่กับประชาธิปัตย์และต้องการความชัดเจนจากพรรคประชาธิปัตย์ก่อนตัดสินใจ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews