Home
|
ข่าว

โฆษกเผย นายกฯ พอใจศักยภาพส่งออกสินค้าเกษตร

Featured Image
โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ พอใจศักยภาพส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรม ขยายตัวต่อเนื่อง เร่งพัฒนาส่งเสริมการส่งออกทุกรูปแบบ รองรับการบริโภคฟื้นตัวต่อเนื่องทั่วโลก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมการส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ขยายตัวได้ดีมาก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนพ.ย. มีมูลค่า 23,647.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 783,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.7% และดุลการค้าเดือนพ.ย.เกินดุล 23,745 ล้านบาท ทั้งนี้ในส่วนของตัวเลขการส่งออก 11 เดือน มูลค่ารวม 246,243.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 7,731,391 ล้านบาท หรือประมาณ 7.73 ล้านล้านบาท เป็นบวก 11 เดือน 16.4% โดยหมวดส่งออกสำคัญ 3 หมวด ประกอบด้วย หมวดสินค้าเกษตร หมวดสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม และหมวดอุตสาหกรรม ดังนี้

1) หมวดสินค้าเกษตร เพิ่มขึ้น 14.2% เป็นบวก 13 เดือนต่อเนื่องติดต่อกัน มูลค่าเดือนพ.ย. 68,462 ล้านบาท, ทุเรียนสด เพิ่มขึ้น 138.9% ขยายตัวดีมากในตลาดจีนและเกาหลีใต้, มะม่วงสด เพิ่มขึ้น 48.6% ขยายตัวดีมากในตลาดมาเลเซีย เกาหลีใต้ เมียนมา ญี่ปุ่นและลาว, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง บวก 13 เดือนต่อเนื่อง เดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 48.6% ขยายตัวดีมาก ในตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้และมาเลเซีย, ลำไยสด เดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 24.7% เป็นบวก 6 เดือนต่อเนื่อง ขยายตัวดีในตลาดจีน ฮ่องกง เวียดนาม มาเลเซียและฟิลิปปินส์ และยางพารา เดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 23.5% เป็นบวก 14 เดือนต่อเนื่อง

2) หมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ภาพรวมเพิ่มขึ้น 21.2% เดือนพ.ย.ขยายตัวเดือนที่ 9 ต่อเนื่อง สินค้าสำคัญเช่น น้ำตาลทราย เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 74% ผลไม้แช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เพิ่มขึ้น 34.5% บวกเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และอาหารสัตว์เลี้ยง บวกเป็นเดือนที่ 27 โดยเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 25.9%

3) หมวดสินค้าอุตสาหกรรม เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 23.1% ขยายตัวต่อเนื่อง 9 เดือนติดต่อกัน เช่น สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ปิโตรเลียมเหลว เป็นต้น เพิ่มขึ้น 72.9% เป็นบวก 10 เดือนต่อเนื่อง เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นบวก 12 เดือนต่อเนื่อง เดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 51.9% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่มขึ้น 24.9% เป็นบวกเดือนที่ 9 ติดต่อกัน แผงวงจรไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 26.7% บวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 คอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ บวก 12 เดือนต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 19.9% รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้น 13 เดือนต่อเนื่อง เป็น เพิ่มขึ้น 12%

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้การส่งออกเดือนพ.ย.ดีขึ้นถึง 24.7% มาจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการส่งออกโดยกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชน ดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ มุ่งเดินผลักดันส่งเสริมการส่งออกทุกรูปแบบ ให้รองรับบริโภคฟื้นตัวต่อเนื่องในหลายประเทศ โดยเฉพาะสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค เพิ่มอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญยังทำให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้นอาชีพเกษตรกรมีความยั่งยืน ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล

 

โฆษกรัฐบาลสวน “วิโรจน์” อยากพูดอะไรก็พูด ไม่สนข้อเท็จจริง ขอหันดูตัวเอง มี-ไม่มีฝ่ายค้านในสภาฯ แทบไม่ต่างกัน เข้าใจสื่อมวลชนตั้งฉายารัฐบาล แจงรัฐบาลยินดีรับฟังทุกเสียงสะท้อน ยัน นายกบริหารบ้านเมืองเพื่อประโยชน์ของคนไทยทุกคน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ตนได้ทราบฉายารัฐบาล รัฐมนตรี และวาทะประปีจำ 2564 ด้วยความเข้าใจสื่อมวลชน เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของสื่อมวลชนประจำทำเนียบที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ขอขอบคุณสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล และสื่อมวลชนทุกแขนง ที่ร่วมทำงานกับรัฐบาลตลอดปี 2564 ในการนำเสนอข่าวแง่มุมต่างๆ รวมทั้งข้อคิดเห็นและช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลอันเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลยืนยันว่า จะบริหารบ้านเมืองเพื่อให้คนไทยมีความสุข ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ตั้งแต่ฐานราก และสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ให้กับประเทศไทยต่อไป

โดยนายธนกร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ระบุว่า ฉายาชำรุดยุทธ์โทรมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถือว่าตรงดี เพราะนายกรัฐมนตรีหมดสภาพการเป็นผู้นำแล้วนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะความคิดแบบนี้ออกจากปากนายวิโรจน์มาแล้วหลายครั้ง อยากพูดอะไรก็พูด ไม่สนข้อเท็จจริงใดๆทั้งสิ้น ขอให้ได้ดิสเครดิตรัฐบาลก็พอ ทั้งๆที่หากย้อนดูผลงานของฝ่ายค้านแล้ว ชำรุดทรุดโทรมจนมีหรือไม่มีฝ่ายค้านในสภาฯ ก็แทบจะไม่ต่างกัน เพราะวันๆจ้องแต่จะเล่นเกมการเมืองนอกสภาฯท่าเดียว เกาะกระแสม็อบไปเรื่อย แต่พอเห็นม็อบจาบจ้วงสถาบันหนักข้อขึ้น ก็รีบหันหัวเรือกลับมาดิสเครดิตรัฐบาลต่อในสภาฯ แม้แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเองก็ยังเอือม

ทั้งนี้นายธนกร ระบุว่า ตลอดปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ควบคู่กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และโครงการต่างๆ ที่จะสร้างประโยชน์และสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามรัฐบาลยินดีเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสื่อมวลชนและประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุงปัญหาต่าง ๆ ที่ยังมีอยู่

 

โฆษกรัฐบาล ระบุยอดโอนเงินประกันรายได้และค่าบริหารจัดการคุณภาพข้าว รวมแล้วกว่า 1.36 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือ ธ.ก.ส. จะเร่งดำเนินการต่อไปตามข้อสั่งการ”นายก”

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมติดตามการดำเนินงานโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 แล้ว โดย ธ.ก.ส. รายงานว่า ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ว 4,473,429 ครัวเรือน เป็นเงิน 83,483 ล้านบาท ส่วนของตัวเลขเกษตรกรที่เหลือ อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อมูลการผลิตจากกรมส่งเสริมการเกษตรรวมถึงข้อมูลบัญชีเงินฝากของเกษตรกรให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง ธกส. จะเร่งโอนให้เกษตรกรต่อไป สำหรับเงินสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 นั้น ธ.ก.ส. ได้โอนเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ว 4.59 ครัวเรือน เป็นเงิน 53,180 ล้านบาท ทำให้มียอดโอนเงินประกันรายได้และค่าบริหารจัดการคุณภาพข้าวถึงมือเกษตรกรทั้ง 2 โครงการแล้ว รวมแล้วกว่า 1.36 แสนล้านบาท

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 จะประกันรายได้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกเขต ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละ ไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน โดยมีเป้าหมายเกษตรกร 4.69 ล้านครัวเรือน สำหรับโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 รัฐบาลสนับสนุนเงินให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 รอบที่ 1 กับ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน

นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้อนุมัติราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 รอบที่ 1 งวดที่ 11 แล้ว เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2564 โดยกำหนดข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคา 11,200.61 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 3,799.39 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคา 10,867.60 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 3,132.40 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 9,936.67 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 1,063.33 บาท ข้าวเปลือกเจ้าราคา 8,154.29 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 1,845.71 บาท และข้าวเปลือกเหนียวราคา 9,316.15 บาทต่อตัน ชดเชยตันละ 2,683.85 บาท ซึ่ง ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของเกษตรกรภายใน 3 วันทำการหลังจากที่ได้มีการประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube