“เพื่อไทย” เคาะ “สุรชาติ” ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ กอบกู้ศักดิ์ศรีพรรคเพื่อไทย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงผลการประชุมกรรมการบริหารพรรควันนี้ ว่า พรรคเพื่อไทย มีมติเป็นเอกฉันท์ส่ง นายสุรชาติ เทียนทอง เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร แทนตําแหน่งที่ว่าง พร้อมแต่งตั้ง นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็น ผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม
โดยมั่นใจว่า จะได้รับการยอมรับจากชาวหลักสี่-จตุจักร และเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เนื่องจากนายสุรชาติเป็นอดีต ส.ส.ในเขตเลือกตั้งดังกล่าว และได้ลงพื้นที่รวมทั้งทำหน้าที่ผู้แทนมาตลอด 17 ปี แม้ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา จะไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ก็ยังทำหน้าที่ผู้แทนในพื้นที่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างเข้มข้นมาตลอด ดังนั้น การต่อสู้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นสัญญาณการต่อสู้ของคนที่โหยหาประชาธิปไตยอย่างแท้จริง กับคนที่มีอำนาจเผด็จการแฝงอยู่ หากพี่น้องประชาชนต้องการประชาธิปไตย นายสุรชาตินั้นเป็นประชาธิปไตย จากการช่วยเหลือผู้ที่ถูกกระทำและครอบครัวจากการเรียกร้องประชาธิปไตยมาโดยตลอด
ซึ่งพบว่า ที่ผ่านมาระบบรัฐไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่ นายสุรชาติและพรรคเพื่อไทยจึงมีเจตจำนงมุ่งมั่นเพื่อปฏิรูประบบการตอบสนองและการบริการของภาครัฐ ซึ่งหากได้เป็น ส.ส.ก็พร้อมจะผลักดันร่วมกับพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของชาวพี่น้องหลักสี่ หลายเรื่องที่ทำให้เขตหลักสี่อับอาย ถูกด้อยค่าจากการทำหน้าที่ของผู้แทน ครั้งนี้จึงเป็นการพิสูจน์ศักดิ์ศรี หากเลือกนายสุรชาติ ก็จะได้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาอย่างแน่นอน
ด้านนายสุรชาติ กล่าวขอบคุณและถือว่าเป็นการทำงานเลือกตั้งครั้งแรกร่วมกับนายสรวงศ์ พี่ชายแท้ๆมาดูแล ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ มีความหมายในหลายภาคส่วน ทั้งเป็นการวัดกระแสความนิยมใน กทม.ก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และการเลือกตั้งใหญ่ในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ยังเป็นศักดิ์ศรีของคนในพื้นที่ อีกทั้งการเลือกตั้งครั้งนี้ยังมากกว่าการแข่งขันและผลแพ้ชนะ เป็นก้าวที่จะตัดสินและพิสูจน์ความตั้งใจของตนเองตลอด 17 ปีที่ผ่านมาตนเองไม่ได้คิดว่า ลงมาแข่งขัน
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ครบ 8 ปี ในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 หากดำรงตำแหน่งเกินกว่านี้พรรคเพื่อไทยจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติทันที
ส่วนความเห็นของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่าการนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2562 ที่เป็นวันโปรดเกล้าฯ ให้ พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นต้นไป เท่ากับว่า วาระ 8 ปี จะไปสิ้นสุดที่ประมาณปี 2570 นั้น ตนไม่ขอออกความเห็น แต่มองว่าเป็นความเห็นภายในของสภา ไม่มีผลผูกพันต่อองค์กรใด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews