“ชินวรณ์”ยก 10 เหตุผลโต้นักวิชาการ วิเคราะห์ปี 65 การเมืองร้อนจะมียุบสภา-ปฏิวัติซ้อน อัดใช้ความรู้สึกส่วนตัวมีอคติด้อยค่าระบบประชาธิปไตย
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช รองประธานวิปรัฐบาล ได้วิเคราะห์ทางการเมืองปี2565 ร้อน จะมียุบสภา-ปฏิวัติซ้อนจริงหรือไม่ โดยระบุว่า
จากการวิเคราะห์ของนักวิชาการ 10 ประการ การเมืองในปี 2565 นั้น ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลทางวิชาการ และใช้ความรู้สึกส่วนตัวและมีอคติ ตลอดถึงเป็นการด้อยค่าระบบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาด้วย ดังนั้นตนจึงขอวิเคราะห์ในฐานะนักการเมืองที่มีประสบการณ์จริงและอยู่ในวงในการเมืองดังนี้
1. รัฐบาลอยู่ในช่วงแก้วิกฤติของประเทศทั้งวิกฤติโรคระบาดโควิด 19 วิกฤติเศรษฐกิจ และวิกฤติการเมือง ความนิยมจึงขึ้นลงตามสถานการณ์ แต่วันนี้มีผลงาน
ที่คนจับต้องได้เช่นกัน เช่นโรคระบาดโควิด 19 ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีน 100ล้านโด้ส เศรษฐกิจกระทบกับโรคระบาดโควิดแต่การเยียวยาก็ข่วยเหลือประชาชนเฉพาะหน้าทุกกลุ่มตั้งแต่แรงงานจนถึงนักเรียนทุกระดับ โดยเฉพาะการประกันรายได้เกษตรกร การเมืองมีทั้งเชิงโครงสร้างและความขัดแย้งทางความคิดแต่รัฐบาลก็รักษาความมั่นคงเพื่อสร้างความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง
2. การใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อตอบโจทย์การแก้ปัญหาหลักของประเทศ การได้ความนิยมหรือไม่อยู่ที่ความพึงพอใจของประชาชน แต่นายกรัฐมนตรียังไม่มีข้อกล่าวหาในเรื่องทุจริต ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ยังไม่มีหลักฐานเด็ดที่จะจัดการคณะรัฐมนตรีได้
3. การทำหน้าที่ของ ส.ส. เน้นเรื่องพื้นที่จริงและมีส่วนทำให้สภาล่มซึ่งเป็นภาพลบของสภาผู้แทนราษฎร แต่สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ ประธานรัฐสภาสามารถคุมเกมส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีวาระพิเศษประชุมมากที่สุด ทั้งที่อยู่ในช่วงโรคระบาดโควิด 19
4. การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล แต่มีข้อจำกัดในกับดักมาตรา256 จึงไม่สามารถให้มีการตั้ง สสร.เพื่อแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้การแก้เป็นรายมาตราและข้อเสนอของภาคประชาชนยังไม่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา การแก้ไขมาตรา 83 และ 91 ถือว่าเป็นความสำเร็จในการเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งเป็นแบบบัตร 2 ใบ ประชาชนมีเสรีภาพที่จะเลือกได้ทั้งคนที่รักและพรรคที่ชอบ ทำให้อิทธิพลการซื้อเสียงลดลง พรรคการเมืองเข้มแข็งขึ้นการมโนว่าพรรคใดจะได้ประโยชน์เป็นความคิดที่ดูถูกประชาชน หรือฝังใจที่แพ้การเลือกตั้ง และการเลือกแบบบัตรบัญชีรายชื่อจะไม่มีแลนด์สไลด์เพราะคิดจากฐาน 100 ทุกพรรคมีโอกาสเพราะข้อจำกัดของพรรคเล็กถูกยกเลิกไปแล้ว เช่นคะแนนขั้นต่ำหรือต้องส่งเขตเลือกตั้ง 100 เขต เป็นต้น ปัญหาจึงอยู่ที่ กกต.จะต้องจัดการเลือกตั้งให้สุจริตเที่ยงธรรม ผลการเลือกตั้งจึงเป็นที่ยอมรับของประชาชน
5. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ในการเลิกอำนาจ สว. เป็นความพยายามของเกือบทุกพรรคการเมือง แต่ไม่ผ่านเสียงกับดัก 1 ใน 3 ของ สว.ที่ต้องเห็นด้วย แต่ในบทเฉพาะกาล สว. ชุดนี้ก็จะหมดอำนาจนี้ในปี 2566 จึงไม่จำเป็นต้องยุบสภาเพื่อหนีการแก้ไขในเรื่องนี้อีก และตามหลักสากล สว.ก็ไม่ควรมีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี
6. ข้อ 6 ข้อ 7 ที่วิเคราะห์บทบาทของพรรคการเมือง เกี่ยวกับการสืบทอดอำนาจเป็นการวิเคราะห์ในมุมแคบเกินไป เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหลักคิดในการเลือกตั้งครั้งต่อไป จึงอยู่ที่ประชาชนจะเลือกให้ประเทศเดินไปในทิศทางใดระหว่างแนวความคิดยึดคืนอำนาจกับสืบทอดอำนาจเพราะการตัดสินใจของประชาชนจะอยู่บนคำถามการแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ การแก้รัฐธรรมนูญและความคิดการสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หลักคิดใดนำไปสู่เสถียรภาพทางการเมืองมากกว่ากัน
8. การยุบสภาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจริง แต่การยุบสภาเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีความขัดแย้งในสภาที่เกียวกับกฏหมายสำคัญหรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจว่าควรจะคืนอำนาจให้ประชาชนร่วมตัดสินใจโดยผ่านการเลือกตั้งหรือไม่ และส่วนใหญ่หากมีการยุบสภานายกรัฐมนตรีก็จะไม่มีโอกาสกลับมาอีก การวิเคราะห์ว่าจะยุบสภาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 จึงยังไม่มีข้อมูลสนับสนุน ที่สำคัญหากยุบสภาก่อนกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม 2565 จึงเป็นการผูกคอตายทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่ใช่ภาววิสัยของคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ยกเว้นโง่เท่านั้น
9. ประเด็นครบ 8 ปี เป็นประเด็นทางการเมือง ไม่ใช่เป็นประเด็นทางวิชาการและหลักกฏหมาย ความธำรงอยู่ของนายกรัฐมนตรีจึงไม่สามารถสร้างกระแสจากเรื่องนี้ได้ แต่ระยะเวลา 8 ปีเป็นเรื่องความรู้สึกของประชาชนว่าเบื่อหรือไม่ หลักสากลจึงกำหนดให้มีการเลือกตั้งเป็นวาระ ๆ ละ 4 ปี ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน หรือความรู้สึกของนายกรัฐมนตรีเองว่าผมพอแล้วหรือไม่เท่านั้น
10. การวิเคราะห์เรื่องรัฐประหารหรือเรื่องรัฐประหาญซ้อนเป็นความไม่รับผิดชอบของผู้วิเคราะห์ว่าจะมีผลกระทบอย่างไรต่อสายตาชาวโลกและนักลงทุน การรัฐประหารในทางการเมืองไม่ต้องวิเคราะห์ เพราะนักการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่สุจริตไม่มีใครเห็นด้วยและการรัฐประหารหากไม่สำเร็จก็จะเป็นกบฏ หากสำเร็จแต่ประชาชนไม่พึงพอใจก็จะกลายเป็นทรราช
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews