ศบค.พบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นเป็น 20.92% รวม 2,338 ราย กระจาย 55 จังหวัด ขณะ เดลต้า 78.91
แพทย์หญิงสุมณี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์การติดเชื้อตามสายพันธุ์การระบาดในประเทศไทยซึ่งการรายงานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีการสุ่มตรวจสายพันธุ์เมื่อวันที่ 1 พ.ย.64-4 ม.ค.65 พบว่าเป็นสายพันธุ์เดลต้าอยู่ที่ 78.91%และเป็นสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้นเป็น 20.92% ซึ่งหากเป็นผู้ป่วยจะอยู่ที่ 2,338 ราย ขณะนี้สายพันธุ์โอไมครอนได้แพร่กระจายไปแล้ว 55 จังหวัด
โดยจังหวัดที่มีการติดเชื้อและมีการแพร่ระบาดในจังหวัดพบที่กรุงเทพมหานคร, กาฬสินธุ์, ชลบุรี, ร้อยเอ็ด, ภูเก็ต และสมุทรปราการ แต่จากรายงานที่มีผู้ติดเชื้อโอไมครอน 2,338 ราย 50% เป็นผู้ที่ติดเชื้อซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ และอีก50% ติดจากผู้ที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นวงที่ 2 โดยคนไข้ที่เข้ามาในระบบการรักษาส่วนใหญ่ยังคงเป็นสายพันธุ์เดลต้า
ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงหลักของเชื้อ ยังคงเป็นกลุ่มที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน หรือไม่เคยได้รับวัคซีนสำหรับคลัสเตอร์ที่กระทรวงสาธารณสุขและศบค.มีความเป็นห่วงมาก คือ คลัสเตอร์ที่มีการแพร่ระบาดในร้านอาหาร โดยร้านอาหารที่เป็นลักษณะกึ่งผับบาร์มีการพบที่จังหวัดเชียงใหม่, พะเยา, ขอนแก่น ชลบุรี, มหาสารคาม, อุดรธานี, อุบลราชธานี และกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการสอบสวนโรคพบว่าเป็นการติดเชื้อในร้านอาหารกึ่งผับ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงที่ฝ่าฝืนและเปิดให้บริการ โดยมีความเสี่ยงไม่ได้เปิดให้บริการภายใต้มาตรการ Covid Free Srtting ซึ่งมีการแพร่ระบาดจำนวนมาก มีโอกาสที่จะเป็นต้นเหตุให้แพร่ระบาดลงไปในระดับชุมชนและระดับครอบครัว ซึ่งจะคล้ายกับการระบาดละลอกที่สามของประเทศไทยที่ผ่านมา
นอกจากนี้ แพทย์หญิงสุมณี ระบุว่า ช่วงหยุดปีใหม่มีหลายโรงเรียนพบการติดเชื้อ มีการปิดการเรียนการสอนทำให้ต้องเรียนออนไลน์ ซึ่งหลังปีใหม่จะได้มีการขอให้ทางจังหวัดหรือทางพื้นที่ช่วยพิจารณาปิดหรือเปิดโรงเรียนตามความเหมาะสมและตามสถานการณ์ ทั้งนี้จะมีการประเมินสถานการณ์หลังมีการชะลอรับนักท่องเที่ยวระบบ Test and Go ซึ่งวันนี้มีการประชุม ศปก.ศบค. และมีการเตรียมสถานการณ์ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเข้าที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ในวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.นี้ โดยมีวาระที่สำคัญเป็นเรื่องการปรับพื้นที่โซนสีตามสถานการณ์ด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews