Home
|
ข่าว

“หมอสุกิจ”แถลงผลสอบปมนายกฯแจกเงินส.ส.

Featured Image
“หมอสุกิจ” แถลงข่าวผลตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก คกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง เผยไม่พบพยานชี้นายกฯแจกเงินส.ส.ให้ลงคะแนนไว้วางใจ

 

นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายสัตยา อรุณธารี ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร และว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเมื่อวันที่ 2 ก.ย.64 ขณะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ ปรากฏว่า ไม่มีประจักษ์พยาน หรือไม่มีพยานแวดล้อมเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายกรัฐมนตรีจ่ายเงินให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ลงคะแนนไว้วางใจให้กับนายกรัฐมนตรีภายในอาคารรัฐสภา ในคราวการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันพฤหัสฯที่ 2 ก.ย.64 ตามที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวอ้างแต่อย่างใด

 

โดยเมื่อครั้งที่ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ได้กล่าวหาว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี จ่ายเงินให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 5 ล้านบาท บริเวณห้องนายกรัฐมนตรี ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นการกระทำนี้ไม่เหมาะสม ส่อไปในทางทุจริต เพื่อต้องการอยู่ในตำแหน่งต่อ ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีคำสั่งสภาผู้แทนราษฎรที่ 22 / 2564 ลงวันที่ 4 ก.ย.64 เพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดยมี คณะกรรมการจำนวน 5 ท่าน ได้แก่

 

1. นางพรพิศ เพชรเจริญ เป็นประธานกรรมการ

2. นายสัตยา อรุณธารี เป็นกรรมการ

3. ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เป็นกรรมการ

4. นายกิตติพศ กำเนิดฤทธิ์ เป็นกรรมการและเลขานุการ

5. นายศิลาชัย บวรกสิณธรรม เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ กำหนดระยะเวลาในการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

 

ซึ่งต่อมาคณะกรรมการได้ขอขยายระยะเวลาจำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 คณะกรรมการได้ส่งรายงานผลการตรวจสอบต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

ทั้งนี้ แนวทางการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตามที่ปรากฏในรายงานที่ส่งให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร มีดังนี้

1. เชิญ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เป็นบุคคลซึ่งได้อภิปรายให้ข้อมูล ซึ่งได้มาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ย.64

2. ตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางเข้ามาภายในอาคารรัฐสภา การเข้าปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีบริเวณชั้น 3 อาคารรัฐสภา ของนายกรัฐมนตรีและผู้ติดตามนายกรัฐมนตรี

3. ตรวจสอบการเข้าพบนายกรัฐมนตรี ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ณ ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ในช่วงเวลาที่มีการกล่าวอ้างจากการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในที่ประชุมเมื่อวันที่ 2 ก.ย.64

4. เชิญบุคคลที่จะเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบเข้าให้ข้อมูล นอกจาก นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ แล้วยังมีบุคคลอื่น ๆ ที่ทางคณะกรรมการเชิญมาให้ข้อมูลอีกจำนวน 10 คน ซึ่งมาจากทั้งฝ่ายผู้กล่าวหา ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา และฝ่ายที่เป็นกลาง

5. คณะกรรมการได้รวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดจากสถานที่ต่าง ๆ ภายในอาคารรัฐสภา เพื่อประกอบการตรวจสอบ

6. พิจารณาตรวจสอบและวิเคราะห์ว่า จากข้อมูลและพยานหลักฐานที่คณะกรรมการ แสวงหาและรวบรวมกรณีมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้หรือไม่ว่า นายกรัฐมนตรีจ่ายเงินให้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ณ ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี ชั้น 3 อาคารรัฐสภา หรือมีพยานหลักฐานใดที่สามารถสนับสนุนหรือฟังได้ว่า มีการจ่ายเงินให้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สืบเนื่องจากกรณีดังกล่าวภายในบริเวณอาคารรัฐสภา

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว จึงขอเสนอความเห็นกรณีดังกล่าวว่าจากพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้แสวงหารวบรวมและตรวจสอบ ไม่มีประจักษ์พยาน หรือไม่มีพยานแวดล้อมเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายกรัฐมนตรีได้จ่ายเงินให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ลงคะแนนไว้วางใจให้กับนายกรัฐมนตรีภายในอาคารรัฐสภา ในคราวการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันพฤหัสฯที่ 2 ก.ย.64 ตามที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube