“สุรชาติ”หาเสียงตลาดประชานิเวศน์1-ให้กำลังใจวันเด็ก
“สุรชาติ”หาเสียงตลาดประชานิเวศน์ 1 ทีมงานเข้มมาตรการป้องกันโควิด ไม่กังวลมีเวลาน้อย 17ปีที่ผ่านมาซึมซับทุกปัญหาในพื้นที่
บรรยากาศการหาเสียงของนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร พรรคเพื่อไทย ที่ตลาดประชานิเวศน์ 1 อ้อนขอคะแนนเสียงจากประชาชนในตลาดพร้อมเชิญชวนให้มาใช้สิทธิ์ในวันที่ 30 มกราคม 2565 โดยบรรยากาศถือว่าเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ได้รับความสนใจจากประชาชนและประกาศจะสนับสนุน รวมถึงมีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น เช่นราคาหมู ราคาผัก เป็นต้น
ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากการสังเกตการณ์หาเสียงของพรรคเพื่อไทยพบว่า ผู้สมัครและทีมงานทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาและหาเสียงกับประชาชนตามระยะของแผงขายสินค้า และจะไม่พยายามจับมือ หรือสัมผัสกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการแพร่ระบาด
ส่วนระยะเวลาหาเสียงเหลืออีก 22วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง ตนมองว่าไม่มีอะไรเป็นโจทย์ท้าทาย ตนทำตัวเหมือนทุกวัน 17 ปีที่ผ่านมาได้ซึมซับทุกปัญหาในพื้นที่แค่เตรียมตัวให้พร้อมที่สุด หากได้รับโอกาสก็มีหลายสิ่งที่อยากเข้าไปทำเพื่อประชาชน
“สุรชาติ”ให้กำลังใจวันเด็ก เชื่อทุกคนมีฝัน ฝากผู้ปกครองต้องสนับสนุนให้เต็มที่ ชูนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตเด็กเขตหลักสี่
นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 9 หลักสี่-จตุจักร พรรคเพื่อไทย กล่าวเนื่องในโอกาสวันเด็กโดยฝากถึงเยาวชนที่จะเติบโตเข้าสู่ระบบประชาธิไตยตนเชื่อว่าเด็กทุกคนมีความฝัน ทุกครั้งที่ตนร่วมงานวันเด็ก มักจะเห็นเด็กในชุมชนจากที่ต่างๆ ก็คิดตลอดว่าเด็กเหล่านี้มีความฝันอะไรบ้าง แต่ในความจริงกลับพบว่าเด็กในชุมชนจะถูกจำกัดฝันด้วยสภาพแวดล้อมทั้งครอบครัวและสังคม จึงอยากฝากถึงผู้ปกครองว่าจะต้องสนับสนุนให้เด็กมีฝัน อย่าจำกัดความฝันของเด็กด้วยสภาพความเป็นอยู่ หากทุกคนมีความฝันก็จะช่วยพัฒนาประเทศได้
เช่นเดียวกับตนที่มีฝันและสร้างแรงบันดาลใจจากความฝัน ใช้ความพยายามทุกอย่างเพื่อความฝัน จึงอยากให้ผู้ใหญ่ทุกคนช่วยกัน ทำให้เด็กมีฝันตนเชื่อว่าฝันที่สังคมอยากเห็น บ้านเมืองที่อยากให้เป็น ต้องร่วมกันอย่าปิดกั้นความคิดของเด็ก
สำหรับเด็กที่มีความฝันอยากเป็นนักการเมือง หรือเป็นนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่าเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่แตกแยก รายได้น้อย ด้อยโอกาส ตนเชื่อว่าถ้าเขามีฝันแค่ไม่กี่คนที่ฝันแรงกล้าแล้วสามารถผ่านอุปสรรค จนประสบความสำเร็จ แล้วมาช่วยเหลือคนได้ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับสังคมไทยแล้ว เพราะทรัพยากรที่สำคัญที่สุดคือประชาชน
ส่วนนโยบายที่จะทำเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเด็กในเขตหลักสี่นั้น ยังคงย้ำเรื่องความฝันของเด็ก ที่จะต้องเข้าไปคุยกับผู้ปกครอง ทำความเข้าใจผู้ใหญ่รวมทั้งภาครัฐต้องลงทุนให้โอกาสให้เด็กได้สานต่อความฝัน ถ้ารัฐให้โอกาส สร้างโอกาสให้เด็กได้ทั่วถึงด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ก็จะทำให้เด็กทำความฝันได้สำเร็จ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews