“พรรณิการ์” ยืนยัน “ธนาธร” ได้รับวัคซีนพร้อม ปชช.ทั่วไป อัดรัฐปล่อยข้อมูลส่วนบุคคลดิสเครดิตทางการเมือง
นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกและกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีดราม่า “วัคซีน VIP” และข้อโจมตีต่อแกนนำคณะก้าวหน้า ว่าได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาอย่างไม่ถูกต้อง พร้อมทั้งตำหนิการปล่อยข้อมูลส่วนบุคคลจากแอปพลิเคชันหมอพร้อมเพื่อหวังผลทางการเมือง โดยยืนยันว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.64 รัฐบาลกำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันดีเดย์ฉีดวัคซีนแห่งชาติ มีการเปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์หลายช่องทางล่วงหน้า โดยเริ่มต้นฉีดวัคซีนให้กับชาวไทยทุกคนที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปในวันที่ 7 มิ.ย. โดยเฉพาะในพื้นที่ระบาดสูง ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะฉะนั้น ข้อกล่าวหาที่บอกว่า ตนและนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แย่งวัคซีนคนแก่ จึงไม่เป็นความจริง
นอกจากนี้นายธนาธร ได้เดินทางเข้ารับวัคซีนเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 64 และตนได้รับวัคซีนเมื่อวันที่ 3 ก.ค.64 หากดูจากสถิติที่รวบรวมโดยกระทรวง อว. ณ วันที่ 15 ก.ค.64 ระบุว่า ในจำนวนประชาชนทั้งหมดที่ได้รับวัคซีน 50% เป็นประชาชนทั่วไปในพื้นที่เสี่ยง ตามด้วยผู้สูงอายุ 20% และคนกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง 7% ส่วนสถิติรายจังหวัด ประชาชนในกรุงเทพฯ ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว 45% ขณะที่สมุทรปราการฉีดไป 24% เพราะฉะนั้น คนที่ฉีดวัคซีนในเดือน ก.ค. จึงเป็นส่วนหนึ่งของประชาชนกลุ่มใหญ่ที่รับวัคซีนตามนโยบายของรัฐบาล จะเรียกว่าเป็นวีไอพี หรือแซงคิวใครไม่ได้
ส่วนเรื่องที่ถูกนำไปทำให้เข้าใจผิดมากที่สุด ว่านายธนาธรวิจารณ์วัคซีนแอสตราเซเนกา ทำไมถึงไปฉีดแอสตราเซเนกา นางสาวพรรณิการ์ ยืนยันว่า นายธนาธรเป็นคนแรกที่บอกว่าวัคซีนคือทางออกเดียวของวิกฤตโควิด ประชาชนต้องได้วัคซีนเร็วที่สุด และคุณภาพดีที่สุด ไม่เคยมีที่บอกว่าวัคซีนไม่ดี หรือไม่ให้ประชาชนไปฉีดวัคซีน การที่นายธนาธรออกมาทักท้วงการบริหารวัคซีนของรัฐบาล เพราะเชื่อว่าการแทงม้าตัวเดียว เสี่ยงกับแอสตราเซเนกายี่ห้อเดียว ทำให้ประชาชนเสี่ยงเกินไป ได้วัคซีนช้าเกินไป นอกจากนี้ จะเห็นว่านายธนาธรและ ส.ส. ของพรรคก้าวไกล ก็ช่วยสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไปฉีดวัคซีนมาโดยตลอด และในวันนี้เวลาก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่นายธนาธรพูดเป็นจริง กว่าคนไทยจะได้ฉีดวัคซีน mRNA ก็ปลายปี64 ทำให้ไทยสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาล ฟื้นตัวตามประเทศอื่นไม่ทัน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าการบริโภคใช้จ่ายในประเทศ และการท่องเที่ยว จะกลับมาสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้นางสาวพรรณิการ์ แสดงความกังวลถึงการปล่อยข้อมูลในแอปพลิเคชันหมอพร้อม ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งตน นายธนาธร รวมถึงส.ส. พรรคก้าวไกล เพื่อหวังผลทางการเมือง รวมถึงก่อนหน้านี้ที่มีการเปิดเผยข้อมูลจากตม. ถึงการเดินทางเข้าออกประเทศของนายธนาธรและนายปิยบุตร แสงกนกกุล โดยย้ำว่าการเปิดข้อมูลเหล่านี้ทำอย่างเป็นระบบผ่านขบวนการไอโอและสื่อมวลชนบางกลุ่ม ซึ่งข้อมูลจะออกมาไม่ได้หากรัฐไม่ใช่ผู้ปล่อย หมายความว่าข้อมูลส่วนตัวของคนไทยในมือรัฐไม่ปลอดภัย วันใดรัฐมองว่าคนไหนเป็นศัตรู ก็พร้อมเอาข้อมูลเหล่านี้มาเปิดเผยเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของบุคคลนั้น เรื่องนี้นอกจากจะผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ยังอยากให้ประชาชนช่วยกันถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ในช่วงเวลาที่ประเทศเผชิญปัญหารอบด้านเช่นนี้ รัฐบาลควรจะหมกมุ่นใช้ทรัพยากรรัฐไปกับการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองหรือไม่ และขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณเป็นพิเศษในการเสพข่าวจากสื่อกลุ่มนี้ ที่บิดเบือนใส่ร้ายคนของคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลซ้ำซากมาตลอด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews