Home
|
ข่าว

“กรุณพล”หาเสียงตลาดพงษ์เพชรรับฟังผู้ค้า

Featured Image
“กรุณพล”หาเสียง ตลาดพงษ์เพชร รับฟังปัญหาพ่อค้าแม่ค้า พาสื่อดูสายไฟ สายสื่อสาร อัดรัฐทำงานล่าช้า โยนกันไปมา

 

นายกรุณพล เทียนสุวรรณ (เพชร) ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่-จตุจักร พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัจน์ ลงพื้นที่ตลาดพงษ์เพชรหาเสียงเลือกตั้ง พร้อมรับฟังปัญหาต่างๆจากผู้ค้าในตลาด ซึ่งได้รับการตอบรับดี และมีการขอถ่ายรูปตลอดการหาเสียงด้วย

 

จากนั้น นายกรุณพล พาสื่อมวลชนไปดูสายไฟและสายสื่อสารต่างๆ ที่ขดรวมกัน ทำให้เกิดเพลิงและส่งผลให้ไฟดับ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่า สายไฟและสายสื่อสารต่างๆเป็นปัญหาของประเทศไทยมานาน ปัญหาดังกล่าวประชาชนได้แจ้งการไฟฟ้า และ กสทช. ไปตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 ว่าเห็นประกายไฟ ให้เคลื่อนย้ายออก แต่ทั้ง 2 หน่วยงานโยนปัญหากันไปมา

 

ซึ่งตนมองว่าเป็นปัญหาของ กสทช. โดย กสทช. แจ้งว่ามีนโยบายจะนำสายไฟลงใต้ดินภายในปีนี้ แต่ประชาชนบอกว่าเป็นนโยบายปีนี้ก็จริง แต่ปฏิบัติเมื่อไหร่ไม่รู้ สุดท้ายเมื่อเกิดไฟไหม้ก็ไม่สามารถเรียกร้องความรับผิดชอบจากใครได้พร้อมมองว่าการทำงานของหน่วยงานรัฐเชื่องช้าและสับสน แต่ละส่วนโยนงานไปมาเหมือนไม่อยากรับผิดชอบ จึงไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องของงบประมาณหรือการจัดการในองค์กร

 

อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกล จะส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ด้วย หากประชาชนเลือกทั้ง ส.ส. และผู้ว่าฯ จากพรรคก้าวไกลก็จะทำงานร่วมกันและจัดการปัญหาต่างๆของ กทม. ได้ง่ายขึ้น

 

ด้านนายธัญวัฒน์ กมลวงศ์วัจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวถึงความมั่นใจต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ ว่า มั่นใจในตัวนายกรุณพล มากเพราะเลือกที่จะเคียงข้างประชาชน
ซึ่งพรรคก้าวไกลกล้าชนทุกปัญหาอยู่แล้ว และการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ก็สำคัญ

 

นอกจากนั้นยังกล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดพงษ์เพชรในวันนี้ว่าแม่ค้าส่วนใหญ่บ่นว่าของแพงทุกอย่าง ทำให้ยอดขายตกลงมาก เพราะคนรายได้ยังเท่าเดิม เป็นปัญหากันแบบนี้ทุกร้าน ซึ่งได้แนะนำไปว่าการแก้ปัญหาต้องใช้เวลา ไม่สามารถทำเสร็จได้วันต่อวัน รัฐบาลต้องใช้เงินสนับสนุนให้คนมีกำลังซื้อมากขึ้น แต่ตอนนี้โครงการคนละครึ่งก็ไม่ได้ถูกดำเนินการต่อจึงไม่กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และแม่ค้าเองก็กลัวว่าถ้าใช้คนละครึ่งแล้วจะโดนภาษีย้อนหลัง ก็ฝากรัฐบาลว่าต้องทบทวนให้รอบคอบและชี้แจงให้ชัดเจนถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าราวมโครงการคนละครึ่งของร้านค้าและประชาชนด้วย

 

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาช้าไปเพียงหนึ่งวันก็สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนขึ้นอีกหนึ่งวัน การทำงานต้องรวดเร็ว เพราะของแพงเป็นปัญหาระดับชาติที่หลายพรรคการเมืองและผู้มีอำนาจหลายคนออกมาส่งเสียงเรียกร้อง ซึ่งต้องเร่งแก้ไขไม่ใช่ผลักภาระว่าถ้าไม่อยากกินหมูแพง ก็ไปกินไก่ กินวัวหรือปลาแทน เป็นการผลักภาระจากความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจ แทนที่จะทำให้ประชาชนพึงพอใจและสามารถใช้จ่ายได้ในราคาที่ไม่มีผลกระทบได้

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebookhttps://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitterhttps://twitter.com/innnews

Youtubehttps://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTokhttps://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account@innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube