ศบค.เห็นชอบพิจารณา ขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 2 เดือนพร้อมปรับโซนสีส้มเหลือ 44 จังหวัด
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวภายหลังการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมเห็นชอบพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 2 เดือนเป็นคราวที่ 16 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31 มี.ค. 65
มีการปรับมาตรการพื้นที่โซนสี โดยพื้นที่ควบคุมหรือพื้นที่สีส้มจาก 69 จังหวัดเหลือ 44 จังหวัดพื้นที่เฝ้าระวังสูงหรือพื้นที่สีเหลืองจากไม่มี เพิ่มเป็น 25 จังหวัด และพื้นที่สีฟ้านำร่องการท่องเที่ยวมี 8 จังหวัดเท่าเดิม เรื่องของสถานศึกษามีข้อเสนอแนะจะไม่เปิดแค่กิจการและกิจกรรมเน้นเด็กนักเรียนด้วย ซึ่งมีกว่า 3 หมื่นกว่าโรงเรียน ซึ่งเปิดแล้ว 17,000 กว่าโรงเรียน แต่มีอีกหมื่นกว่าโรงเรียนที่เป็นโรงเรียนใหญ่มีนักเรียนหลักพัน ยังไม่สามารถเปิดได้ ซึ่งมีข้อจำกัดคือ การเว้นระยะห่างของนักเรียนในชั้นเรียน โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ผอ.ศปก.ศบค.เป็นประธานการประชุม ไปปรึกษาหารือกัน ได้รับเรื่องไปดำเนินการเพื่อที่จะเกิดมาตรการในการผ่อนคลายกับนักเรียนต่อไป
ซึ่งร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ใดที่มีร้านอาหาร พื้นที่ควบคุม บริโภคในร้านได้ เปิดได้ตามปกติ ห้ามการบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง, พื้นที่เฝ้าระวัง และพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว บริโภคในร้านได้ และเปิดได้ตามปกติ
ส่วนการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 ไม่ขยายระยะเวลา Work From Home ให้เป็นไปตามความเหมาะสมและการพิจารณาของหน่วยงาน สำหรับพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวและพื้นที่เฝ้าระวังสูงเนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 ที่ผ่านมาพบการระบาดในร้านอาหารกึ่งผับในช่วงหลังปีใหม่จำนวนมาก และมีมาตรการจำกัดเวลาในการบริโภค ประกอบกับมีการขอจากผู้ประกอบการขอขยายเวลาบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงปรับมาตรการสำหรับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารหรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกันทั้งในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และพื้นที่เฝ้าระวังสูง โดยมีการจำกัดเวลาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เกิน 23:00 น. จากเดิม 21:00 น.
ต้องมีการจำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และตามมาตรการ Covid Free Setting ซึ่งฝ่ายความมั่นคงและผู้ที่ตรวจมาตรการที่ประกาศออกไป ต้องเคร่งครัด หากไม่สามารถทำได้จำเป็นต้องสั่งปิดก็ต้องปิด หากพบว่าละเมิดหรือมีการหย่อนยาน ผู้บังคับใช้ทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่ต้องรับผิดชอบส่วนนี้ต้องเน้นย้ำอีกครั้งนึง จึงขอความร่วมมือทางภาครัฐ ผู้ประกอบการ เอกชน และประชาชน ต้องร่วมมือกันทั้งหมด ส่วนการปรับมาตรการสำหรับสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบันเทิง, ผับ, บาร์, คาราโอเกะ มีการปรับมาตรการให้ผู้ประกอบการปรับมาตรการตามที่กำหนดและสามารถขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพมหานครได้เมื่อมีความพร้อม โดยไม่กำหนดระยะเวลา
ด้านการปรับรูปแบบและลดวันกักตัวสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อเป็นกักตัว 7 วัน สังเกตอาการอีก 3 วัน ตรวจหาเชื้อด้วย ATK
เรื่องแผนการเปิดรับลงทะเบียน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรในรูปแบบ Test and Go สำหรับคนไทยและต่างชาติมีการปรับมาตรการให้เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.65 อนุญาตเข้ามาได้ทุกประเทศ ปรับการตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการ RT-PCR 2 ครั้ง พื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.65 เปิดให้เริ่มลงทะเบียนเข้าพื้นที่จังหวัดชลบุรี อำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา อำเภอเกาะสีชัง อำเภอสัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียน และตำบลบางเสร่ จังหวัดตราด เกาะช้าง การเปิดพื้นที่ให้เดินทางเชื่อมโยงในกลุ่มพื้นที่จังหวัดภูเก็ต, กระบี่, พังงา, สุราษฎร์ธานี ในช่วงเจ็ดวันที่ต้องพำนักในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ปรับมาตรการยังต้องเคร่งครัดมีหลักฐานจองที่พักเจ็ดวันในโรงแรมที่กำหนดและการตรวจ RT-PCR 2 ครั้ง ในวันที่ 1 และวันที่ 5-6 มีระบบการตรวจสอบและกำกับการเข้าออกโรงแรมทุกวันเป็นเวลา 7 วัน ในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว หรือในกลุ่มจังหวัดโดยไม่เกิน 3 โรงแรม ปรับมาตรการในการติดตามตัวโดยให้โรงแรมเป็นผู้ตรวจสอบการเข้าพักทุกวันเป็นระยะเวลาเจ็ดวันซึ่งผู้เดินทางสามารถเดินทางไปกลับในจังหวัดใกล้เคียงได้ โดยนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำต้องมีระบบตรวจสอบย้อนกลับให้ได้ในนักท่องเที่ยวทุกคน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews