“วิษณุ” ชี้”บิ๊กไบค์”เป็นของใครไม่สำคัญ ใครชน คนนั้นต้องผิด ชี้ บวชได้ ไม่ผิด แต่ต้องสึกมารับโทษ บอกอย่าหนีก็แล้วกัน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ถึงกรณีที่ตำรวจ ยศ ส.ต.ต. ขับบิ๊กไบค์พุ่งชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย ขณะข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต เหตุเกิดหน้าโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้การว่าเกิดเหตุระหว่างที่ขับรถจักรยานยนต์ไปส่งเอกสารที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะถือว่าเป็นการเกิดอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ว่า ขอให้มีความชัดเจนเสียก่อนว่าความจริงคืออะไร เพราะยังดูกันอยู่ว่ารถจักรยานยนต์เป็นของใครถูกกฎหมายหรือไม่ มันลึกลับ ซับซ้อน และจนสุดท้ายกลายเป็นว่า หมอคนนี้เป็นหมอที่จะรักษาตานายตำรวจที่ชนอยู่
ส่วนข้อกฎหมายว่าจะต้องหยุดรถให้ผู้ที่ข้ามทางม้าลายหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องหยุด ส่วนต้องมีการปรับบทลงโทษให้เข้มงวดกว่าเดิมหรือไม่นั้น ขอรอให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน แต่เริ่มต้น คือ ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนั้น อาจโดนความผิดกระทงอื่น ซึ่งความจริงรถบิ๊กไบค์จะเป็นของใครไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ว่าใครชน คนนั้นก็ต้องผิด แต่ตอนนี้ที่กำลังดู คือ มีเจตนาแทรกซ้อนอยู่หรือไม่
ส่วนตอนนี้ตำรวจกำลังถูกกังขาจากสังคม ทางสตช. ควรจะทำให้เกิดความชัดเจนอย่างไร นายวิษณุ ระบุว่า ก็มีกันอยู่เสมอทุกวัน ทุกเรื่องตำรวจเป็นผู้รักษา ปราบปราม ป้องกัน เพราะฉะนั้นโอกาสที่ทำอะไรออกมาแล้วจะพลาด ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ มันเกิดขึ้นได้เสมอเป็นธรรมดา ซึ่งอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาที่ต้องดำเนินการในเรื่องนี้
ส่วนตอนนี้สังคมกำลังเกิดข้อสงสัยกรณีที่นายตำรวจที่ชนไปบวชสามารถบวชได้หรือไม่เนื่องจากกระทำความผิด นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถบวชได้ เมื่อถึงเวลาค่อยสึกมา ส่วนไม่ใช่ลักษณะการหนีความผิดหรือไม่ คุณจำไม่ได้หรือก่อนหน้านี้เคยมีพิธีกร ผู้ประกาศข่าว มีเรื่องขึ้นมาตอนนั้น เขาก็ไปบวช ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้คดีจบก่อนเพราะบวชไม่กี่วันไม่เป็นไร อย่าหนีก็แล้วกัน แม้ว่าจะเป็นการบวชโดยไม่มีกำหนดสึกใช่หรือไม่ แม้ว่าไม่มีกำหนดสึกแต่ก็ต้องสึกอยู่ดี เพราะสามารถจับสึกเมื่อใดก็ได้หากคดีชัดเจน แต่อย่าหนีก็แล้วกัน ความจริงบวชยิ่งหนียาก เพราะที่อยู่ชัดเจน ส่วนการให้การในชั้นศาลก็สามารถไปให้การได้แม้ว่าอยู่ในสมณเพศ
ส่วนกฎหมายของรถบิ๊กไบค์กับรถจักรยานยนต์ธรรมดา ควรมีบทลงโทษแยกกันให้ชัดเจนหรือไม่นั้น นายวิษณุ ระบุสั้นๆเพียงว่า ยอมรับว่ามีผู้เสนอ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
“วิษณุ” เวลาเหมาะสม 1-2 เดือนครบ 8 ปี ควรยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ เมิน “เรืองไกร” ลาออกพปชร. เหตุถูกขวางไม่ให้ตรวจสอบ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 8 ปี ว่า นายกรัฐมนตรียังอีกนาน ยังเหลือเวลาอีก 7 เดือน และไม่ต้องเป็นห่วง เพราะหากถามศาลรัฐธรรมนูญไปตอนนี้เขาก็คงไม่ตอบ ส่วนจะถามได้เมื่อใดนั้น ตนมองว่า จะมีเวลาที่เหมาะสมและถูกเวลา ซึ่งใกล้แล้ว และจำเป็นที่ต้องมีการพิจารณาในประเด็นนี้ แต่ไม่ใช่ว่าพอมีเรื่องแล้วถามไปก็เกรงว่าจะไม่ทัน
ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ จะไปยื่นร้องในประเด็นดังกล่าว นายวิษณุ ระบุว่า ตนไม่ทราบ ส่วนที่เขาจะวิธีตรวจสอบอะไรก็เรื่องของเขา ส่วนหากจะใช้วิธียื่นถามศาลรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ยังถือว่าไม่มีเรื่อง และยังเหลือเวลาอีก 7 เดือน และเมื่อถามย้ำว่าหากนายเรืองไกร จะไปยื่นฟ้องไปยื่นที่ศาลรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ และนายเรืองไกรอาจจะไปยื่นวิธีอื่นก็ได้ พร้อมยอมรับว่าวิธีอื่นนั้นมี แต่อาจไม่ได้รับความเชื่อถือ เท่ากับศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด และตนก็เห็นตามข่าวเมื่อวานนี้ว่า นายเรืองไกร ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐเนื่องจากถูกขัดขวางไม่ให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่รู้เรื่อง พร้อมมองว่าเรื่องนายกรัฐมนตรีอย่างไรก็ต้องร้องในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมควรก่อนหน้าครบวาระ 1-2 เดือน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews