ศบค.ย้ำฉีดเข็มกระตุ้นสำคัญ ห่วงมาตรการควบคุมโรคช่วงตรุษจีน ไฟเซอร์ฉีดเด็ก 5-11 ปี มาถึงพรุ่งนี้
แพทย์หญิงสุมณี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศไทยพบอัตราผู้ป่วยเพิ่ม แต่อัตราการเสียชีวิตกลับไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์โลก โดยปัจจัยที่สำคัญ คือ การได้รับวัคซีนครบโดสและในสถานการณ์ในประเทศขณะนี้ที่มีการรายงานพบสายพันธุ์โอไมครอนมีการกระจายครบทุกจังหวัด ซึ่งการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นสำคัญมาก ไม่ว่าจะรับวัคซีนครบโดสยี่ห้อใดก็ตาม เมื่อผ่านไป 3 เดือน ภูมิคุ้มกันก็จะเริ่มลดลง ก็ควรต้องไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพราะวัคซีนเข็มกระตุ้นสามารถป้องกันการติดเชื้อของการระบาดโอไมครอน 79- 89% โดยวัคซีนทุกสูตรก็ยังป้องกันการป่วยรุนแรง และเสียชีวิตได้ 90- 100%
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพมหานครหลังมีการรายงานผู้ติดเชื้อเป็นอันดับหนึ่งมา 10 วันแล้ว กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค และศบค.ชุดเล็กมีความห่วงยังได้มีการลงสอบสวนแต่ละคลัสเตอร์ รวมถึงมาตรการควบคุมโรคในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการระบาดได้ เช่น การรวมตัวกันของญาติ พี่น้องจากหลายที่รวมตัวกันการจัดกิจกรรมเซ่นไหว้บรรพบุรุษภายในบ้านการเดินทางไปตลาดหรือซูเปอร์มาร์เก็ตการเดินทางไปศาลเจ้าเพื่อไปไหว้พระขอพรหรือการไหว้เจ้าซึ่งมีคนค่อนข้างแออัด เป็นต้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคได้ จึงขอให้ประชาชนใช้ชีวิตภายใต้มาตรการปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้แพทย์หญิงสุมณี ระบุว่า วัคซีนในเด็ก 5-11 ปี ตอนนี้ได้มีการอนุมัติให้ใช้ในประเทศไทยแล้วโดยเป็นวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กโดยเฉพาะคือวัคซีนฝาสีส้มโดยจะมาถึงในประเทศไทยวันที่ 26 ม.ค.นี้ โดยล็อตแรกจะจัดสรรให้กับเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคซึ่งต้องฉีดที่สถานพยาบาล สำหรับล็อตถัดไปจะมีการดำเนินการผ่านระบบการศึกษา โดยจะจัดสรรให้เด็กอายุ 11-12 ปีก่อนในระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ให้กับทุกจังหวัดเป็นสัดส่วนที่มีการเสนอมาที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จากนั้นจะลดหลั่นไปตามระดับชั้น และขอเน้นย้ำกับสถานพยาบาลวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีม่วงสำหรับผู้ใหญ่ใช้กับเด็กไม่ได้
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี มีการฝากข้อห่วงใย หลังจากที่มีการผ่อนคลายให้ดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารได้จนถึงเวลา 23:00 น. ในจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวและพื้นที่สีเหลือง ฝากเน้นย้ำไม่อนุญาตให้ดื่มหลัง 23:00 น.หากพบการเปิดเกินเวลาจะมีความผิดตามกฎหมายจะมีการจับกุม และยึดใบอนุญาต หากพบเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจะมีการเอาผิดทางวินัยด้วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews