“อนุทิน” ยันเตรียมวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียงพอ
นายกฯขอบคุณ คกก.โรคติดต่อ ให้คำแนะนำจนคุมสถานการณ์ได้ “อนุทิน” ยันเตรียมวัคซีนเข็มกระตุ้นเพียงพอประชาชน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยระหว่างการเป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 ณ ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ฝากให้นำคำขอบคุณมายังผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ที่ได้ให้คำแนะนำชี้แนะนำแก่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 จนประเทศไทยสามารถควบคุมโควิด-19 อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง สถานการณ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่าในขณะนี้ได้เพิ่มขึ้นโดยต่อเนื่อง โดยการกระจายวัคซีนรวมแล้วประมาณ 114 ล้านโดส ซึ่งครอบคลุมประชาชนได้ตามเป้าหมาย โดยมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1-2 มากกว่า 70% ของจำนวนประชากร โดยเฉพาะใน กทม. ถือว่าเกิน 100% แล้ว เนื่องจากมีประชากรแฝงที่ได้รับวัคซีนใน กทม.ด้วย ส่วนผู้ได้รับเข็มที่3 ยังอยู่ที่ 20% เนื่องจากต้องรอให้ครบรอบการได้รับวัคซีนก่อน ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะยังได้เข็มที่2 แต่ภูมิคุ้มกันก็อยู่ระดับสูงเนื่องจากเป็นการได้รับวัคซีนสูตรไขว้ ซึ่งขณะนี้สูตรการฉีดวัคซีนแบบไขว้ของประเทศไทยก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นโดยมีการรับรองในวารสารทางการแพทย์ระหว่างประเทศหลายแห่ง ส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้าที่ต้องสัมผัสคนจำนวนมากขณะนี้ก็ได้รับวัคซีนเข็มที่ 4 ไป 100% แล้ว
นายอนุทิน กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมวัคซีนโควิด-19 สำหรับเข็มกระตุ้นที่เพียงพอสำหรับประชาชน ทั้งในส่วนของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนไฟเซอร์ก็มีการสั่งเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี 3 แสนโดสแรกตอนนี้ก็ได้มาถึงประเทศไทยแล้ว โดยผู้ผลิตจะทยอยส่งสัปดาห์ละ 3 แสนโดสไปจนกว่าจะครบตามคำสั่งซื้อ ซึ่งจะได้กระจายไปยังกลุ่มเป้าหมายโดยเริ่มจากเด็กกลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มก่อน
และขยายไปยังเด็กในโรงเรียน ในส่วนนี้จะต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการสนับสนุนการกระจายวัคซีนไปถึงเด็กกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
โดยวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กได้รับอนุมัติจาก อย. ให้ฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปีได้ ส่วนวัคซีนซิโนแวคอยู่ระหว่างการขอขึ้นทะเบียน โดยในปีนี้รัฐบาลมีแผนการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็ก(Pediatric vaccine) รวม 10 ล้านโดส
แนวทางการดำเนินการของกระทรวงสาธารณสุขในระยะต่อไปจะดำเนินการในด้านต่างๆ เพื่อให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ปรับปรุงมาตรการเพื่อให้ประชาชนกลับไปใช้ชีวิตและประกอบอาชีพได้ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนเฝ้ารออยู่ เห็นได้จากที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอต่อ ศบค. ให้เปิดลงทะเบียนการเข้าประเทศแบบ Test&Go อีกครั้งก็ได้รับคำชื่นชมและคำขอบคุณจากผู้ประกอบการอย่างมาก และทุกฝ่ายยินดีที่ปฏิบัติตามมาตรการของทางการ และเข้าใจว่า การประกอบธุรกิจในระยะต่อไปจะต้องเป็นไปแบบ New Normal
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้เห็นชอบหลักการเกี่ยวกับการเตรียมการเพื่อพิจารณาให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และการจัดตั้งคลินิกวัคซีนผู้ใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกในการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกันโรคอื่นๆ เพื่อความมั่นคงทางสุขภาพ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews