“สุพัฒนพงษ์” ชี้ราคาสินค้า-น้ำมันพุ่งสูง ปัญหาระยะสั้น ไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล ยันนักลงทุนเข้าใจ – ไม่ต้องกู้กองทุนน้ำมันเพิ่ม
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีปัญหาราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ว่า เกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศประกอบกันซึ่งเดิมมีแนวโน้มอ่อน ขยับตัวลง และสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันนั้นเจอกับอากาศหนาว ส่งผลต่อราคา ซึ่งรัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งการเมืองระหว่างประเทศรัฐเซียและยูเครน โดยระหว่างนี้รัฐบาลได้ตรึงราคาน้ำมัน และราคาเป็นไปตามกลไกตลาด พร้อมกับยอมรับว่า การลดสัดส่วนน้ำมันชีวภาพ โดยปรับสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล ให้เป็นไปตามสัดส่วนการผสมของกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ดังนี้ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 7 โดยปริมาตรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 10 โดยปริมาตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 20 โดยปริมาตร ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากราคาน้ำมันได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนจะต้องมีการเพิ่มวงเงินกู้กองทุนน้ำมันเพิ่มหรือไม่นั้นนายสุพัฒนพงษ์ ยืนยันว่า ขณะนี้อยู่ในจำนวนเงินที่ได้กำหนดไว้ และมองว่าปัญหาราคาน้ำมันและสินค้าพุ่งสูงจะไม่ส่งผลกระทบกับเสถียรภาพรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อประคับประคองและเชื่อว่าราคาสินค้าผู้สูงนั้นจะ เป็นปัญหาระยะสั้นเท่านั้นไม่ใช่ปัญหาถาวร
ทั้งนี้นายสุพัฒนพงษ์ ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามทำดีที่สุดภายใต้กรอบการบริหารจัดการ ซึ่งประเทศไทยเพิ่งผ่านวิกฤต โควิด 19 ครั้งสำคัญ ก่อนที่จะย้อนถามว่าวิกฤตเหล่านี้หมดไปแล้วหรือไม่ หากกลับสู่สภาพเดิมได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อวิกฤตไม่หมดต้องประคับประคองให้เกิดโอกาสที่ดีขึ้น แต่คนไทยต่างหากที่มองอาจรู้สึกไม่ทันใจ แต่ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยต้องอาศัยการท่องเที่ยว บริหารเป็นหลัก นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจเปิดประเทศด้วยความระมัดระวัง อยากให้คนไทยกลับมามีชีวิตที่ปกติหรือดีกว่าเดิมแต่ขณะนี้ยังไม่ถึงตรงนั้น ซึ่งตนยอมรับว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลา
ส่วนกระแสข่าวยุบสภาฯที่ออกมาในขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือไม่นั้นนายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่า ต้องรอดูผล แต่เมื่อวานหากติดตามผลการสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุน จากประเทศญี่ปุ่น องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร ซึ่ง มองว่าเศรษฐกิจของไทยในครึ่งปีนี้ จะดีกว่าเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว จากปัจจัยภายนอก และปัจจัยหนุนสำคัญคือเรื่องที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ได้ รวมไปถึงการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งการขนส่ง โทรคมนาคม
ทั้งนี้นายสุพัฒนพงษ์ ปฏิเสธตอบคำถามประเด็นการเมือง โดยระบุว่า ขอสื่ออย่าถามประเด็นดราม่า ยืนยันว่าตนพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews