“อนุทิน” กำชับส.ส.พรรคภูมิใจไทย เข้าประชุมสภาโหวตกฎหมายสำคัญ ย้ำไม่เคยขาด 51 เสียง ยันพร้อมเลือกตั้งหากมีอุบัติการเมือง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า เป็นสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถึงแม้จะเป็นการอภิปรายโดยไม่ลงคะแนน ฝ่ายรัฐบาลและผู้ที่ถูกพาดพิงถึงต้องเตรียมตัวชี้แจงอย่างดี ซึ่งไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ คณะรัฐมนตรีและรัฐบาล ยังไงก็ต้องให้เกียรติสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและทุกฝ่าย โดยต้องเข้าไปรับฟังและชี้แจงในข้อสงสัย ในข้อกล่าวหาเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจ
ทั้งนี้ หากมีการอภิปรายถึงกระทรวงสาธารณสุขก็จะต้องฟังก่อน แต่ยอมรับว่า ทุกอย่างก็มีปัญหาหมด หากทำได้ดีเพอร์เฟกต์ 100% ก็คงไม่มีอะไรให้เขาต้องตำหนิติเตียนแล้ว หากมีการอภิปรายพาดพิงก็แสดงว่ายังมีหลายๆจุดที่ต้องรับฟัง ทำใจกว้างๆ จุดไหนที่สมาชิกอภิปรายและมีประโยชน์ก็ต้องทำมาพิจารณา
ส่วนที่นายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรี ได้มาย้ำว่ากฎหมายลูก 2 ฉบับมีความสำคัญมาก นั้น นายอนุทิน ระบุ พรรคภูมิใจไทยไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ เพราะพรรคภูมิใจไทยไม่เคยขาดการประชุมสภา ตกลงเข้ามา 51 เสียง ก็ไม่เคยขาดการประชุม และตอนนี้มีเสียงส.ส.เกิน 51 เสียงแล้ว โดยเฉพาะการพิจารณากฎหมายสำคัญ ซึ่งตนเองเช็คตลอดเสียงส.ส.พรรคภูมิใจไทย ไม่เคยต่ำกว่า 51 เสียง ส่วนที่มีส.ส.ติดเชื้อโควิด จะต้องระวังในเรื่องนี้ เพราะไม่สามารถโหวตออนไลน์ได้ และยังไม่มีกฎหมายรองรับ โดยเรื่องนี้จะต้องไปถามประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการประชุมตนเองไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้ ไปยืนยันว่า เราปฏิบัติหน้าที่ตามกติกาทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม นายอนทิน ยังกล่าวถึงเรื่องของการเลือกตั้งใหญ่ว่า การเลือกตั้งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากมีอุบัติเหตุทางการเมือง และผู้ที่มีอำนาจในการยุบสภาคือนายกรัฐมนตรี แต่เราก็ต้องพยายามอย่าให้มีอุบัติเหตุทางการเมือง ซึ่งตนเองและพูดหลายครั้งแล้ว แต่หากไปไม่ได้ก็ต้องพร้อมในการเลือกตั้ง พร้อมถามว่ามีใครบ้างที่ไม่ผ่านการยุบสภาและเลือกตั้งนอกจากพรรคการเมืองใหม่ๆ ซึ่งส่วนใหญ่พรรคที่เคยอยู่ในเวทีการเมืองนานแล้ว ผ่านการเลือกตั้ง “ครบเทอมก็มี ยุบสภาก็มี ปฏิวัติก็มี ถึงเวลาก็ไปเลือกตั้ง” พรรคภูมิใจไทย ไม่มีปัญหา
“อนุทิน” มาตรการจับปรับไม่สวมหน้ากากอนามัย เป็นเพียงข้อเสนอในศบค. ชี้หากประชาชนให้ความร่วมมือ คงไม่ต้องยกระดับเป็นกฎหมาย ยังไม่ต้องปรับมาตรการเพิ่ม
นอกจากนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงกรณีที่เพจศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูล หากไม่สวมหน้ากากอนามัยจะมีโทษจับปรับ ว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบในรายละเอียดตรงนี้ โดยอาจเป็นข้อเสนอของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งในศบค. ซึ่งต้องนำมาพิจารณา พร้อมย้ำว่า ควรจะสวมใส่หน้ากากอนามัย และหากไปพื้นที่เสี่ยงพบคนจำนวนมากก็ควรใส่ 2 ชั้น
ทั้งนี้ นายอนุทิน ย้ำว่าเมื่อใครคิดอะไรที่เป็นประโยชน์ แล้วทำให้เกิดการป้องกันโรคอย่างสูงสุด หรือ Universal prevention ทุกคนมีสิทธิ์คิดมีสิทธิ์เสนอและต้องมาฟังความคิดเห็นกัน หากได้รับความร่วมมือประชาชนนั้นเป็นอย่างดี ก็ไม่ต้องมาบังคับใช้ อ้างเป็นความเป็นอิสระเสรีทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็ต้องมาหารือกัน ยอมรับว่าชาวต่างชาติหลายคนไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย ทั้งที่เกาะสมุย ก็มีรายงานมาว่า คนไทยให้ความร่วมมือ แต่ชาวต่างชาติ ไม่ค่อยยอมสวมหน้ากากอนามัย จึงเป็นเหตุที่ต้องมาคุยกันในศบค. ว่าจะทำอย่างไรกับคนส่วนนี้ดี และเมื่อออกมาตรการมาแล้วนักท่องเที่ยวก็ต้องปฏิบัติตามเพราะเข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม ส่วนนักท่องเที่ยวที่ผ่านการเดินทางเข้าประเทศในระบบ Test and Go แล้วจะอ้างว่าผ่านระบบแล้วจะไม่สวมหน้ากากอนามัยอย่างนี้ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีมาตรการจัดการ
ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันหากทะลุถึงหลักหมื่นจะมีการปรับมาตรการภายในประเทศหรือไม่ นั้นนายอนุทิน ระบุ ขณะนี้ต้องดูในเรื่องผลของวัคซีน ซึ่งยังถือว่าจำนวนผู้ป่วยหนัก ผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือต้องใช้ห้องไอซียูยังไม่เพิ่มมากขึ้น และ จำนวน Home isolation ยังคงสามารถควบคุมได้ดีอยู่ ผู้ป่วยติดเชื้อ ที่ไม่แสดงอาการหนักก็ยังอยู่ในเกณฑ์ ที่ขีดในฉากทัศน์ ของกรมควบคุมโรคไว้ มองว่าขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่สำคัญ ในความไม่ประมาท
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews
