นายกฯ เผย ลงนามห้สัญชาติไทย “โค้ชเช” พร้อมขอบคุณทหารผ่านศึกที่ได้ทำงานเสียสละด้วยความกล้าหาญ ขณะศบค.ยังไม่มีการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังจากเดินทางเยือนซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการ และกักตัวครบตามมาตรการเข้าประเทศในระบบ Test & Go
โดย “สวัสดีปีใหม่ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน” ประเทศไทย ก็ปีใหม่ได้ตลอดอยู่แล้ว เพราะมีคนหลายเชื้อชาติ โดยวันนี้ได้มีการลงนามให้สัญชาติไทยแก่ ชเว ย็อง-ซ็อก หรือ โค้ชเช เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ที่มีการร้องขอมาตามวาระ เพราะถือว่าได้มีการดูแลเกี่ยวกับเรื่อง กีฬาให้กับประเทศไทยมาเป็นระยะเวลายาวนาน
นายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญ ซึ่งเป็นวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ โดยเมื่อช่วงเช้าได้มีพิธีไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนในนามอดีตทหารคนหนึ่ง และในนามของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความขอบคุณ ไปยังพี่น้องทหารผ่านศึกทั้งหลาย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่ได้ทำงานเสียสละด้วยความกล้าหาญ และรับผิดชอบในหน้าที่ทหารเป็นระยะเวลายาวนานเพื่อประเทศไทย อยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ขอให้ทุกคนให้กำลังใจทหารผ่านศึก พร้อมให้ช่วยดูแลเขาด้วย ซึ่งปกติแล้วในวันนี้จะต้องมีการจำหน่ายดอกป๊อปปี้แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด -19 จึงไม่สามารถตั้งจุดจำหน่ายได้ จึงขอความร่วมมือให้ช่วยกันซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆของทหารผ่านศึก เพื่อช่วยเหลือให้มีเงินกองทุน ไปทำอย่างอื่น ซึ่งถือว่าเป็นวันแห่งเกียรติยศ และวันแห่งความภาคภูมิใจ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการประชุม BOI ถือว่า มีความก้าวหน้าในการดำเนินการ และแผนงานในระยะต่อไป ซึ่งได้มีการสั่งการ ให้ปรับโครงสร้าง BOI เพื่อให้เกิดความทันสมัยมากยิ่งขึ้น รองรับโลกในปัจจุบัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ภาษี และอะไรต่างๆ ที่จำเป็นต้องตื่นกลางไว้ เพราะการลงทุนต่างๆ จะต้องมีการเตรียมการ อะไรใหม่ๆออกมา เพื่อให้เกิดการลงทุนใหม่ในประเทศมากยิ่งขึ้น จากการรายงานการเปรียบเทียบสถิติก่อนหน้าโควิด -19 ระบาด ตั้งแต่ปี 62- จนปัจจุบัน มีการลงทุนสูงขึ้น โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด -19 ทำให้การเดินทางไม่สะดวก นักลงทุนมีโอกาสอยู่ในประเทศไทย
ก็ได้เล็งเห็น ศักยภาพในประเทศไทย โดยเฉพาะความเชื่อมั่นการดูแลเรื่องสุขภาพให้กับพนักงานภายในบริษัท เพื่อไม่ให้กระทบจนต้องปิดกิจการจากมาตรการของศบค. ซึ่งเป็ยสิ่งที่เขาได้ชื่นชมซึ่งถือเป็นโอกาสของไทย
ขณะที่การประชุมศบค.ชุดใหญ่ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมในขณะนี้ เท่าที่มีการเสนอมา ยังอยู่ในช่วงของการประเมิน โดยจะเป็นการประเมินรายสัปดาห์ ทั้ง สถิติสูงขึ้น ลดลง จะทำอย่างไร รวมไปถึงเรื่องการฉีดให้กับเด็กแล้วมีผลอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการดูแลเยียวยา ตามมาตรการของรัฐ ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ก็ต้องค่อยๆทยอยดำเนินการไป แต่ขอให้ระมัดระวังในเรื่องของสุขภาพ และงบประมาณที่เรามีอยู่ ที่จะต้องมีการสำรองไว้เผื่อเหตุฉุกเฉิน
ขณะที่ WHO มีความเป็นห่วง การประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าตัวนั้นมีความเป็นห่วง หลังจากที่ได้มีการตนรับทราบการแจ้งเตือนของ WHO ผ่านการนำเสนอข่าว ซึ่งก็ประมาทไม่ได้ แม้หลายคนจะบอกว่า โรคโควิด 19 จะเป็นโรคประจำถิ่น เป็นโรคธรรมดาเหมือนกับโรคอื่น ตนก็ไม่ได้หวังใจแต่อย่างใด เพราะสถานการณ์ยังมีความรุนแรงเกิดเครื่องในหลายประเทศ ทั้งการติดเชื้อและเสียชีวิตยังมีอยู่ แต่ไทยยังสามารถดูแลได้ ซึ่งตนก็ยังมีความเป็นห่วงเป็นใยเหมือนเดิม เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังสูง โดยจะต้อง หรือว่ามาตรฐานสาธารณสุขของไทย สามารถรองรับได้หรือไม่ การเสียชีวิตเกิดจากสาเหตุใดเป็นหลัก และจะสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างไร ซึ่งได้ปฏิบัติตามนั้นมาโดยตลอด และจะนำมาพิจารณา
อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตท่าทีของนายกรัฐมนตรี มีความผ่อนคลาย ไม่ได้มีความตรึงเครียด แต่ระหว่างให้สัมภาษณ์มีอาการเหนื่อยหอบ สูดน้ำมูก ตลอด รวมไปถึงไอเป็นระยะ คล้ายเป็นหวัด เนื่องจากปกตินายกรัฐมนตรีจะมีอาการภูมิแพ้ โดยเฉพาะช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews